ปัญหาเศรษฐกิจรุมเร้า เศรษฐีจีนเริ่มบ่น 'งานแต่ง' เป็นเรื่องสิ้นเปลือง

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เศรษฐกิจจีนชะลอตัว ส่งผลให้เศรษฐีจีนไม่อยากจัดงานแต่งงานเพราะมองว่าสิ้นเปลือง

วิกเตอร์ หลี่ เตรียมแต่งงานในอีกไม่นาน แต่เขาเผชิญปัญหาความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจเหมือนกับหนุ่มสาวชาวจีนคนอื่น ๆ เช่นกัน ซึ่งหลี่เจ้าของธุรกิจในเซี่ยงไฮ้ยังไม่แน่ใจว่าตนจะสามารถจัดงานแต่งงานได้

“การจัดงานแต่งงานใช้เงินมากเกินไปสำหรับเรา โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ ๆ อย่างเซี่ยงไฮ้” นักธุรกิจวัย 32 ปี กล่าว และมองว่าความสามารถในการหาเงิน สร้างแรงกดดันต่อคนรุ่นใหม่ รวมถึงตนเอง

ในขณะที่เศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับ 2 ของโลกชะลอตัว จำนวนคนที่เลือกเป็นโสดกลับเพิ่มขึ้นเพราะไม่ค่อยมีโอกาสด้านการงาน ท่ามกลางอัตราการว่างงานของคนหนุ่มสาวสูงเป็นประวัติการณ์ และความเชื่อมั่นผู้บริโภคก็ตกต่ำ นำไปสู่ยอดจดทะเบียนสมรสที่น้อยลงเป็นประวัติการณ์ในปี 2565

จูเลีย เหมิง เจ้าของบริษัทJulia's Events ที่จัดงานอีเวนท์คนโสดในเซี่ยงไฮ้ เผยว่า คนที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไปยอมแพ้กับการแต่งงานกันมากขึ้น

คนหนุ่มสาวชาวจีนที่เข้าร่วมงานดังกล่าวอย่างแจ็ค เจียง บอกว่า คนรุ่นใหม่อยากแต่งงาน แต่ราคาบ้านแพง โอกาสทางหน้าที่การงานก็ไม่มั่นคง และสถานการณ์เศรษฐกิจทั่วไปก็ไม่ได้ช่วยอะไร

“ไม่ใช่ว่าเราอยากโสด แต่ด้วยโครงสร้างของเมืองและสถานการณ์เศรษฐกิจเลยทำให้เราไม่อยากแต่งงาน” หลี่ กล่าว

ความไม่เต็มใจแต่งงานสร้างความกังวลต่อผู้กำหนดนโยบาย เพราะอัตราการเกิดลดลง และประชากรสูงอายุก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะที่อัตราการแต่งงานสัมพันธ์กับอัตาการเกิดด้วย เนื่องจากหญิงที่ไม่แต่งงานไม่สนใจผลประโยชน์จากการมีลูกเลย

อัตราการเจริญพันธ์ของจีนเป็นหนึ่งในอัตราที่ต่ำที่สุดในโลก และข้อมูลทางการเมื่อวันพุธ (10 ม.ค.) แสดงให้เห็นว่า จำนวนประชากรลดลงเป็นปีที่สองติดต่อกัน และสร้างความกังวลเกี่ยวกับการลดลงของประชากรจีนอีกครั้ง

ทั้งนี้ เมื่อปีก่อน ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กล่าวว่า การปลูกฝังวัฒนธรรมการแต่งงานและการมีลูกแบบใหม่เป็นสิ่งสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ ด้านรัฐบาลท้องถิ่นต่างประกาศมาตรการมากมายเพื่อกระตุ้นให้เกิดครอบครัวใหม่ ๆ มีทั้งการยกเลิกภาษี ให้เงินอุดหนุนด้านที่อยู่อาศัย และให้เงินอุดหนุนการแต่งงานถ้าเจ้าสาวมีอายุน้อยกว่า 25 ปี

อ้างอิง: Rueters