ประธานซัมซุงรอดคุก 5 ปี 'อีแจยอง' พ้นผิดคดีควบรวมกิจการปี '58
ศาลเกาหลีใต้ตัดสิน 'ยกฟ้อง' ประธานซัมซุงในคดีควบรวมกิจการปี 2558 โดยมิชอบ รอดโทษจำคุก 5 ปี อัยการยังไม่ระบุจะยื่นอุทธรณ์หรือไม่
ศาลแขวงกลางกรุงโซล เกาหลีใต้ มีคำพิพากษาวันที่ 5 ก.พ. ยกฟ้อง "อีแจยอง" (Lee Jae-yong) ประธานบริษัทซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ ในคดีควบรวมกิจการบริษัทในเครือซัมซุงเมื่อปี 2558
ศาลระบุว่า อัยการไม่สามารถพิสูจน์ได้ชัดเจนมากพอว่า การควบรวมระหว่างบริษัทซัมซุง ซีแอนด์ที และบริษัทเชอิล อินดัสทรีส์ เป็นการกระทำที่มิชอบด้วยกฎหมาย และมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มอำนาจในมือให้กับอีแจยอง ซึ่งดำรงตำแหน่งรองประธานบริษัทในขณะนั้น
คำตัดสินของศาลในครั้งนี้คาดว่าจะช่วยบรรเทาปัญหาความวุ่นวายทางกฎหมายที่ประธานซัมซุงถูกฟ้องในหลายคดี และมีขึ้นตามมาไม่ถึง 2 ปี หลังจากที่อีแจยองได้รับการอภัยโทษจากประธานาธิบดีคนก่อน มุนแจอิน ในคดีติดสินบนอดีตประธานาธิบดี พัคกึนฮเย
ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าทีมอัยการในคดีนี้จะยื่นอุทธรณ์คำตัดสินหรือไม่ ขณะที่ก่อนหน้านี้อัยการได้เสนอโทษจำคุก 5 ปี ในคดีการควบรวบกิจการ ซึ่งมีข้อกล่าวหาตั้งแต่การปั่นหุ้นไปจนถึงการทุจริตทางบัญชี แต่ฝ่ายอีแจยองปฏิเสธข้อกล่าวหาโดยระบุว่าการควบรวมกิจการในเครือเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจปกติ
ทั้งนี้ อีแจยองเคยถูกศาลตัดสินว่ามีความผิดในคดีติดสินบนอดีตประธานาธิบดีพัค เป็นเงิน 8,600 ล้านวอน (ราว 228 ล้านบาท) เมื่อปี 2560 และต้องโทษจำคุกนาน 5 ปี
อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวรับโทษจริงเพียง 18 เดือน โดยถูกปล่อยตัวภายใต้ทัณฑ์บนในปี 2564 และหลังจากนั้นก็ได้รับการอภัยโทษ ซึ่งประธานาธิบดีมุนแจอินให้เหตุผลว่าเป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากอีแจยองถือเป็นผู้นำบริษัทซัมซุงในทางพฤตินัย และจำเป็นต้องกลับมาบริหารบริษัทอีกครั้ง เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลังการระบาดของโควิด-19