เปิดแนวทางบริหาร ‘ปราโบโว’ ว่าที่ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย เดาทางยาก

เปิดแนวทางบริหาร ‘ปราโบโว’ ว่าที่ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย เดาทางยาก

รัฐมนตรีกลาโหมปราโบโว จ่อคว้าชัยชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีอินโดนีเซีย แต่ยังคงเป็นที่น่าสงสัย ว่าที่ปธน.คนใหม่จะมีแนวทางบริหารประเทศอย่างไร ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่าเขาเป็น "ผู้นำที่คาดเดาไม่ได้" และโลกต้องเตรียมรับมือกับ "ความเซอร์ไพรส์" บางอย่างจากรัฐบาลนี้

ปราโบโว ซูเบียนโต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอินโดนีเซีย เตรียมรับตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ของประเทศประชาธิปไตยที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก โดยเมื่อวันพุธ (14 ก.พ.) อดีตนายพลได้ประกาศชัยชนะหลังการนับคะแนนเบื้องต้นของผู้สังเกตการณ์ที่ผ่านการรับรองจากรัฐบาลแสดงให้เห็นว่า ปราโบโวมีโอกาสชนะสูง

ส่วนผลการนับคะแนนจากคณะกรรมการการเลือกตั้งที่ออกมาช้ากว่า นับคะแนนไปได้ 39% ชี้ว่า รมว.กลาโหมวัย 72 ปี จ่อก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีอินโดนีเซียได้ด้วยคะแนน 55.97% ทิ้งห่างคู่แข่งมากกว่า 2 เท่า

"ชัยชนะนี้ควรเป็นชัยชนะสำหรับชาวอินโดนีเซียทุกคน” ปราโบโว กล่าวกลางกรุงจาการ์ตาท่ามกลางมวลมหาประชาชนที่ปลื้มปิติกับชัยชนะเมื่อเย็นวันพุธ

ผู้นำคนใหม่ที่คาดเดายาก

ยังคงเกิดคำถามว่า เมื่อปราโบโวดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี เขาจะดำเนินนโยบายของประธานาธิบดีโจโก วิโดโด (โจโกวี) ต่อ หรือนำพาประเทศไปสู่เส้นทางใหม่

อเล็กซานเดอร์ อาร์.อาริเฟียนโต นักวิชาการอาวุโส จากสถาบัน S. Rajaratnam School of International Studies (RSIS) มองว่า ปราโบโวเป็นผู้นำที่คาดเดาไม่ได้ และโลกต้องเตรียมรับมือกับความเซอร์ไพรส์บางอย่างจากรัฐบาลนี้

ในช่วงหาเสียง ปราโบโวเลือกยิบราน ลูกชายวิโดโดนั่งเก้าอี้รองประธานาธิบดี ส่งสัญญาณถึงผู้ลงคะแนนเสียงว่า เขายังคงดำเนินนโยบายยอดนิยมของวิโดโดหากได้เป็นประธานาธิบดี ด้วยเหตุนี้ ในผลสำรวจความคิดเห็น ปราโบโวจึงมีความนิยมมากกว่าคู่แข่งคนอื่น ๆ และทำให้เขามีคะแนนนำคู่แข่งไปคว้าชัยเลือกตั้ง

อารยา เฟอร์นันเดส หัวหน้าฝ่ายสำนักนโยบายของ Centre for Strategic and International Studies (CSIS) ในจาการ์ตา บอกว่า

“มีโอกาสอย่างมากที่ปราโบโวจะดำเนินนโยบายของวิโดโดต่อ แต่พูดยากนะ เขาอาจจะเปลี่ยนทิศทางบริหารประเทศก็ได้”

ขณะที่ผู้ลงคะแนนเสียงให้ปราโบโวส่วนใหญ่ อยากให้เขาดำเนินนโยบายของวิโดโดต่อไป แต่ปราโบโวได้บอกใบ้แล้วว่าเขาสามารถทำให้การต่างประเทศมีความเป็นชาตินิยมมากกว่าประธานาธิบดีคนก่อน

จากแถลงการณ์เลือกตั้งของปราโบโว บ่งบอกว่า เขาอาจให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนอินโดนีเซียให้เป็นประเทศที่แข็งแกร่งมากขึ้น 

แถลงการณ์ดังกล่าว ระบุ อินโดนีเซียจะเป็นประเทศที่เคารพความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และมีการป้องกันและรักษาความปลอดภัยที่สามารถปกป้องชาติและสร้างความสงบสุขให้กับประเทศ

อาริเฟียนโตจาก บอกว่า ถ้ามองจากภูมิหลังที่เคยเป็นทหาร ไม่แปลกใจที่เขาอยากให้อินโดนีเซียมีอำนาจ ไม่ใช่แค่ในทางเศรษฐกิจ แต่รวมถึงกองทัพด้วย

“เขาอาจเพิ่มการใช้จ่ายด้านกลาโหม เพื่อให้กองทัพอินโดนีเซียเป็นหนึ่งในกองทัพที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค คำถามคือ มหาอำนาจระดับภูมิภาคหรือมหาอำนาจทางการค้าอื่น ๆ จะตอบสนองต่อประเด็นนี้ในทิศทางที่ดีหรือไม่”

นอกจากนี้ ปราโบโวยังบ่งบอกว่าเขาพร้อมที่จะติดต่อค้าขายกับชาติตะวันตกมากขึ้น แต่ในระหว่างการพูดคุยเรื่องนโยบายต่างประเทศที่ CSIS อินโดนีเซีย เมื่อเดือน พ.ย. ปราโบโวบอกว่า ยุโรปสูญเสียความเป็นผู้นำด้านศีลธรรม

“ตะวันตกสอนประชาธิปไตยให้เรา รวมถึงสิทธิมนุษยชน แต่มีมาตรฐานแตกต่างกัน โลกเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้ว เราไม่ต้องการยุโรปอีกต่อไป” ปราโบโวกล่าวและว่า ภาษีที่ไม่ยุติธรรมของสหภาพยุโรป (อียู) กระทบต่อการส่งออกของอินโดนีเซีย เช่น น้ำมันปาล์ม

ปราโบโว ซูเบียนโต กล่าวปราศรัย หลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ปราโบโว ซูเบียนโต กล่าวปราศรัย หลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีอินโดนีเซีย

เมื่อถามเกี่ยวกับการแข่งขันทางการค้า อินโดนีเซียจะอยู่ข้างจีนหรือสหรัฐ แต่เขากลับเน้นย้ำถึงความเป็นกลางของจาการ์ตา โดยรัฐมนตรีปราโบโวเผยว่า ตนเคารพสหรัฐสำหรับการมีส่วนร่วมในเอกราชของอินโดนีเซีย เช่นเดียวกับที่เคารพจีนสำหรับการมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจ

ซานา แจฟฟรีย์ นักวิชาการวิจัยจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองอินโดนีเซีย กล่าวว่า ระหว่างหาเสียง ปราโบโวได้แสดงออกถึงการต่อต้านชาวต่างชาติและมีความเป็นชาตินิยมสูง แต่เธอได้ยินว่าเขาบอกกับนักการทูตต่างประเทศแบบส่วนตัวว่า ตนจะทำตัวเป็นมิตรกับชาวต่างชาติ จะเปิดรับการลงทุนและสร้างสัมพันธ์ที่ดี

“ดังนั้น การแสดงออกของปราโบโวที่เห็นในสาธารณะเป็นการสร้างภาพลักษณ์ชาตินิยมมากกว่า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเอกลักษณ์เขา แต่จริง ๆ เขาเป็นตามสิ่งที่เราได้ยิน เขาพูดเรื่องที่แตกต่างไปแบบส่วนตัว” แจฟฟรีย์ กล่าว

อุปสรรคจัดตั้งรัฐบาล

ไม่ว่าแนวทางของปราโบโวจะเป็นอย่างไร แต่เขาอาจเผชิญความยุ่งยากในการสร้างพันธมิตรเพื่อบริหารประเทศ และหาเสียงสนับสนุนนโยบายของตน

แม้วิโดโดสามารถรวมพันธมิตรจำนวนมากจนจัดตั้งรัฐบาล และทำให้นโยบายส่วนใหญ่ได้รับการอนุมัติ รวมถึงแผนย้ายเมืองหลวง 32,000 ล้านดอลลาร์ แต่การรวบรวมพันธมิตรของวิโดโด ส่วนใหญ่มาจากความร่วมมือกับพรรค Indonesian Democratic Party of Struggle (PDI-P) ทว่าการที่วิโดโดสนับสนุนปราโบโวในการเลือกตั้งประธานาธิบดี แทนที่จะสนับสนุนผู้สมัครจากพรรค PDI-P อย่างกันจาร์ ปราโนโว อดีตผู้ว่าจ.ชวากลาง การกระทำของวิโดโดอาจทำให้ปราโบโวสูญเสียฐานเสียงสำคัญในรัฐสภาได้

นูรี ออกทาริซา นักวิจัยทางการเมืองจาก CSIS เผยว่า อาจเห็น PDI-P ร่วมรัฐบาลกับปราโบโวได้ยาก และอาจได้เห็นประธานาธิบดีมีอำนาจน้อย รวมถึงอำนาจในการเดินหน้านโยบายต่าง ๆ ในทางตรงข้ามอาจได้เห็นพรรคฝ่ายค้านที่แข็งแกร่ง ประกอบไปด้วยหลายพรรค

โดยพรรค PDI-P อาจร่วมกับพรรค Prosperous Justice Party (PKS) และพรรคอื่น ๆ นั่งฝ่ายค้าน รวมถึงพรรค NasDem และ National Awakening Party (PKB) ซึ่งอาจสร้างความท้าทายต่อการจัดลำดับความสำคัญในการออกกฎหมายของปราโบโว

ด้วยความไม่มั่นคงว่าแต่ละพรรคจะปรับแนวทางตนเองตามผลเลือกตั้งอย่างไร แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือ “ว่าที่ประธานาธิบดีปราโนโว” ยังคงเป็นหนึ่งในผู้นำที่คาดเดาไม่ได้

อ้างอิง: South China Morning Post