เหตุผล ‘เทย์เลอร์ สวิฟต์’ ควรเป็นประธานาธิบดีสหรัฐ คนต่อไป

เหตุผล ‘เทย์เลอร์ สวิฟต์’ ควรเป็นประธานาธิบดีสหรัฐ คนต่อไป

ปรากฏการณ์ "เทย์เลอร์ สวิฟต์" ป็อปไอคอนแห่งยุค ทำคนทั่วโลก ตกตะลึงกับ "วัฒนธรรมสากล" อันทรงพลังนำพาคนชื่นชอบบทเพลง และหลงใหลความบันเทิงในแบบสวิฟต์ เชื่อมโยงและรวมตัวเข้าด้วยกัน

KEY

POINTS

  • สวิฟต์สามารถเป็นผู้นำชาวอเมริกัน และประชาชนในประเทศได้ดีกว่าผู้สมัครคนไหน เพราะเชื่อมโยงผู้คนส่วนใหญ่มาอยู่ร่วมกันได้
  • ดีกว่าไหม ถ้าผู้สมัครประธานาธิบดีสหรัฐทั้งสองคน สามารถเป็นผู้นำวัฒนธรรมสากลได้ และตัดสินใจบนความเป็นผู้นำสหรัฐอย่างชาญฉลาด
  • ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในสหรัฐจำนวนมาก ไม่ได้ยินดีกับไบเดน และทรัมป์กลับมาลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอีกครั้ง เพราะอาจเสี่ยงนำความขัดแย้งรุนแรง และสหรัฐแบ่งขั้วการเมืองมากยิ่งขึ้น

ปรากฏการณ์ "เทย์เลอร์ สวิฟต์" ป็อปไอคอนแห่งยุค ทำคนทั่วโลก ตกตะลึ่งกับ "วัฒนธรรมสากล" อันทรงพลังนำพาคนชื่นชอบบทเพลง และหลงใหลความบันเทิงในแบบสวิฟต์ ที่ช่วยเชื่อมโยง จุดประกายการรวมตัวผู้คนเข้าด้วยกัน

หากมองให้ลึกสังคมอเมริกันในปัจจุบัน อาจกำลังต้องการแนวทางแบบเทย์เลอร์ สวิฟต์ เพื่อเติมเต็มช่องว่างและตอบโจทย์ประเทศ 

สวิฟต์เชื่อมโยง แสดงพลังหนึ่งเดียว

“เรย์ เดลิโอ” มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้งกองทุนเฮดจ์ฟันด์ Bridgewater Associates ได้ร่วมดูคอนเสิร์ตเทย์เลอร์ สวิฟต์ที่สิงคโปร์ และได้โพสต์ภาพเซลฟี่ภายในงานที่เต็มไปด้วยผู้ชมมหาศาล พร้อมบรรยายว่า ทำไมถึงคิดว่า สวิฟต์ควรเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนต่อไป

เว็บไซต์ซีเอ็นบีซีอ้างโพสต์เดลิโอ ทางอินสตาแกรมเมื่อวันพฤหัสบดี (7 ก.พ.) ระบุว่า เขาเพิ่งไปดูคอนเสิร์ตเทย์เลอร์ สวิฟต์ที่สิงคโปร์ และรู้เลยว่า สวิฟต์สามารถเป็นผู้นำชาวอเมริกันและประชาชนในประเทศได้ดีกว่าผู้สมัครคนไหน เพราะทำให้ "คนส่วนใหญ่อยู่ร่วมกันได้” เป็นสิ่งสำคัญที่สุด 

ผู้นำวัฒนธรรมสากล

เดลิโอบอกด้วยว่า การได้มาดูคอนเสิร์ตสวิฟต์ร่วมกันกับผู้คนจากทั่วทุกมุมโลก ทำให้เขาและทุกคนในที่นี่ “รู้สึกดีและเชื่อมโยงถึงกัน” นั่นเป็นสิ่งย้ำเตือนว่า “วัฒนธรรมสากล” ทรงพลังเพียงใด

“จะดีกว่าไหม ถ้าผู้สมัครประธานาธิบดีสหรัฐทั้งสองคน สามารถเป็นผู้นำวัฒนธรรมสากลได้ และตัดสินใจบนความเป็นผู้นำสหรัฐอย่างชาญฉลาด” เดลิโอระบุ

แม้ว่า จะเป็นโพสต์ขำขัน แต่นักการเมืองสหรัฐ และบรรดาผู้เชี่ยวชาญต่างรู้ดีถึงอิทธิพลอันทรงพลังของนักร้องเจ้าของรางวัลแกรมมี่ที่ทำลายสถิติและสร้างฐานแฟนคลับมหาศาล จนถูกยกย่องให้เป็นป็อปไอคอนแห่งยุค

เหตุผล ‘เทย์เลอร์ สวิฟต์’ ควรเป็นประธานาธิบดีสหรัฐ คนต่อไป

จากนั้นเดลิโอได้ทวีตอัพเดทอีกครั้ง เพื่ออธิบายความคิดดังกล่าวจากโพสต์ข้อความแรกทางอินสตาแกรม

“ถึงเทย์เลอร์ สวิฟต์ ประธานาธิบดีของฉัน! ซึ่งการแสดงความเห็นครั้งนั้น ไม่ ผมไม่ได้เมา (เห็นได้ชัดว่าผมพยายามเซลฟี่กับสวิฟต์) และใช่ ความเห็นนั้นเป็นเรื่องตลก แต่นั่นเป็นจริงเพียงครึ่งเดียว” เดลิโอโพสต์บน X

จุดกระแสไปเลือกตั้ง

เมื่อเช้าวันอังคาร (5 ก.พ.) สวิฟต์ได้โพสต์ข้อความทางการเมืองครั้งแรกในปีนี้ ได้สร้างแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ บอกกับแฟนให้เข้าร่วมเลือกตั้งขั้นต้น “Super Tuesday” ของพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครต ที่จัดพร้อมกันในหลายสิบรัฐ มีส่วนสำคัญผลักดันให้คนหนุ่มสาวออกไปลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้งหลายหมื่นคน เพียงในวันเดียว

เหตุผล ‘เทย์เลอร์ สวิฟต์’ ควรเป็นประธานาธิบดีสหรัฐ คนต่อไป

อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ บรรดานักการเมืองและผู้เชี่ยวชาญบางคนชี้ให้เห็นถึงความสนใจในความเคลื่อนไหวของสวิฟต์ บางคนเชื่อมโยง “ทฤษฎีสมคบคิด” กับนักร้องสาวรายนี้

ขณะที่นักกฎหมายและนักวิเคราะห์ฝ่ายพรรคริพับลิกันบางคนชี้ว่า สวิฟต์เป็นส่วนหนึ่งของแผนหาเสียงของโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ ในฐานะหนึ่งในผู้สมัครชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐปลายปีนี้ ซึ่งไบเดน เป็นผู้บงการเบื้องหลังทั้งหมด หวังคว้าชัยชนะตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐให้สำเร็จ

บรรดาสวิฟตี้ แฟนคลับของนักร้องดัง พากันโพสต์ตอบกลับว่า “คุณต้องใจเย็นๆ เพราะสวิฟต์ยังไม่ได้แสดงการสนับสนุนใดๆกับใคร ในการเลือกตั้งปี 2024

แต่สนับสนุนให้ชาวอเมริกัน ผู้ติดตามเธอในอินสตาแกรมได้ไปเลือกตั้งขั้นต้น Super Tuesday โดยปัจจุบัน มีผู้ติดตามสวิฟต์ทางอินสตาแกรมถึง 283 ล้านคนทั่วโลก

เดลิโอ เป็นผู้เปลี่ยนบริดจ์วอเตอร์ให้เป็นกองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเขาเคยเน้นย้ำสิ่งที่เชื่อว่า จำเป็นต้องมีแนวทางความเป็นศูนย์กลางในการเมืองอเมริกันมากขึ้น

เติมเต็มพื้นที่แบ่งขั้ว ขัดแย้งการเมือง

ในความเป็นจริง ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในสหรัฐจำนวนมาก ไม่ได้ยินดีกับการที่ไบเดน และทรัมป์กลับมาลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอีกครั้ง เพราะอาจเสี่ยงนำความขัดแย้งรุนแรง และสหรัฐแบ่งขั้วการเมืองมากยิ่งขึ้น

“สิ่งที่ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ต้องการคือ คนกลางที่มีความแข็งแกร่งมาก” เดลิโอกล่าวบนฟอรั่มการเงินแห่งหนึ่งเมื่อเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา 

ตอนนั้นเดลิโอเห็นว่า นิกกี้ เฮลีย์ อดีตเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรสหรัฐ ประจำสหประชาชาติ เป็นผู้สมัครที่อนาคตสดใสที่สุด มาถึงตอนนี้เขาหวังว่า บางทีสวิฟต์จะมาเติมเต็มช่องว่างที่เหลือในการแข่งขันของฮาลีย์

The Eras Tour เป็นทัวร์คอนเสิร์ตที่สร้างรายได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ เป็นการแสดง 152 ครั้ง ใน 5 ภูมิภาค ในช่วงเวลา 21 เดือน

สวิฟต์บูท ศก.สหรัฐ

นับตั้งแต่สวิฟต์เปิดตัวทัวร์คอนเสิร์ต ได้กลายเป็นมหาเศรษฐี และมีส่วนฟื้นเศรษฐกิจให้กับเมืองและรัฐต่างๆมากมาย ชนิดทำได้ดีเกินคาดฝันจากนักวิเคราะห์หลายคน

ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญบางคนคาดการณ์ว่า ภายในเดือน ต.ค. การแสดงคอนเสิร์ต การเดินทางและค่าใช้จ่ายของเหล่าแฟนคลับ จะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับเศรษฐกิจสหรัฐถึง 5.7 พันล้านดอลลาร์

อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์บลูมเบิร์กรายงานว่า เพียงเฉพาะในสิงคโปร์ประเทศเดียว ซึ่งได้จัดคอนเสิร์ต 6 วันติดกัน คาดว่าจะเพิ่มรายได้ให้เศรษฐกิจของสิงคโปร์ได้ 225 - 300 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรกของปีนี้

ที่มา : CNBC