ราคาน้ำมันโลก WTI ร่วง 1.79 ดอลล์เมินสต็อกน้ำมันลดมากกว่าคาด
ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดวันพุธ(20มี.ค.)ปรับตัวร่วงลง 1.79 ดอลลาร์ แม้สหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบลดลงมากกว่าคาด เพราะถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ ซึ่งจะลดความน่าดึงดูดของสัญญา โดยทำให้สัญญาน้ำมันมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 1.79 ดอลลาร์ ปิดที่ 81.68 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้านเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 1.43 ดอลลาร์ ปิดที่ 85.95 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 1.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลงเพียง 900,000 บาร์เรล
นักลงทุนพากันเทขายทำกำไร หลังราคาพุ่งขึ้นก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมัน WTI พุ่งขึ้นเกือบ 1% ทะลุระดับ 83 ดอลลาร์ในการซื้อขายวานนี้ ขานรับการปรับลดการส่งออกน้ำมันดิบของอิรักและซาอุดีอาระเบีย รวมทั้งสัญญาณบ่งชี้การฟื้นตัวของอุปสงค์ในจีนและสหรัฐ
ด้านคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันพุธ(20มี.ค.) ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 23 ปี
การประกาศคงอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และเป็นการตรึงอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นครั้งที่ 5 หลังจากที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 11 ครั้งนับตั้งแต่ที่เริ่มวัฏจักรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.2565 ส่งผลให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวม 5.25%
ในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) เจ้าหน้าที่เฟดยังคงส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปี 2567 โดยปรับลดครั้งละ 0.25% รวม 0.75% ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดิมที่ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในการประชุมเดือนธ.ค.2566