ถอดรหัสประธานาธิบดีเวียดนามลาออก กระทบความเชื่อมั่นนักลงทุน?
ประธานาธิบดีโว วัน เทือง วัย 53 ปี เคยเป็นดาวรุ่งในพรรคคอมมิวนิสต์ ทั้งยังเป็นพันธมิตรและทายาททางการเมืองของเหวียน ฝูจ่อง เลขาธิการพรรควัย 79 ปี แต่จู่ๆ โวก็ลาออกเมื่อวันพุธ (20 มี.ค.)
แถลงการณ์จากพรรคกล่าวอย่างคลุมเครือว่าเขา “ฝ่าฝืนระเบียบพรรคในสิ่งที่สมาชิกมิอาจทำได้” ส่งผลให้เกิดสุญญากาศในภาวะผู้นำของประเทศที่เศรษฐกิจเติบโตรวดเร็วที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย
“เกิดแผ่นดินไหวทางการเมืองอีกครั้งในเวียดนาม ไม่ใช่สัญญาณดีเลยกับประเทศที่อวดอ้างบ่อยครั้งว่าเสถียรภาพทางการเมืองแข็งแกร่งมาก” เหวียน คัคเกียง นักวิจัยรับเชิญจากสถาบัน ISEAS-Yusof Ishak ของสิงคโปร์กล่าวกับสำนักข่าวบลูมเบิร์ก
ในวันพฤหัสบดี (21 มี.ค.) สภานิติบัญญัติแห่งชาติจะประชุมสมัยพิเศษเพื่อลงมติอย่างเป็นทางการต่อการลาออกของเทือง และแม้ตำแหน่งประธานาธิบดีส่วนใหญ่เป็นตำแหน่งพิธีการ ความปั่นป่วนไม่ได้ทำลายแนวโน้มเศรษฐกิจประเทศ แต่ผู้สังเกตการณ์มองว่า เหตุนี้ถือเป็นความไม่แน่นอนทางการเมืองเฟสใหม่ในการปกครองนานห้าสิบปีของพรรคคอมมิวนิสต์ โดยเฉพาะภายในฝักฝ่ายต่างๆ ที่จะสืบทอดตำแหน่งจากจ่อง ผู้นำยาวนานที่สุดของเวียดนามนับตั้งแต่ยุคสงคราม
ประเทศคอมมิวนิสต์ที่มีแนวโน้มเข้าหาทุนนิยมแห่งนี้ ได้ประโยชน์จากการที่บริษัทข้ามชาติแห่เข้ามาลงทุน อาทิ ซัพพลายเออร์สำคัญของแอปเปิ้ลอิงค์ เพื่อพยายามสร้างความหลากหลายให้กับซัพพลายเชนนอกเหนือจากจีน
ผลสำรวจของบลูมเบิร์กคาดว่า ไตรมาสแรกของปีนี้เศรษฐกิจเวียดนามจะขยายตัว6.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566
เห็นได้ชัดว่า ความปั่นป่วนทางการเมืองอาจสร้างความกังวลให้กับนักลงทุนในประเทศตลาดเกิดใหม่อื่นๆ แต่ไม่ใช่กับเวียดนามที่ระบบการเมืองขับเคลื่อนอย่างเป็นเอกฉันท์ นักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งจึงเชื่อมั่นแม้เกิดเหตุล่าสุด ถึงขณะนี้หลายเดือนแล้วหลังเกิดการสั่นสะเทือนในอำนาจการเมืองแต่ไม่ได้กระทบความเชื่อมั่นนักลงทุนมากนัก
“นี่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงแนวโน้มเชิงบวกของผมที่มองศักยภาพเศรษฐกิจเวียดนามในระยะยาว ประเทศนี้เป็นผู้ได้ประโยชน์รายใหญ่ในเอเชียจากการย้ายซัพพลายเชนโลก และในระยะยาวรัฐบาลก็ให้ความสำคัญกับภาคการส่งออก การผลิต และการพัฒนาเศรษฐกิจโดยรวมเป็นอันดับหนึ่ง ผมจึงไม่เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองแบบนั้นจะสร้างความสั่นสะเทือนได้” รูเชอร์ เดไซ ผู้จัดการกองทุนเอเชียฟรอนเทียร์แคปิตอลในฮ่องกงกล่าว
นับตั้งแต่ปี 2564 ความพยายามปราบทุจริตของเวียดนามเล่นงานสมาชิกโปลิตบูโรไปแล้วสี่คน รองนายกรัฐมนตรีสองคน รัฐมนตรีสองคน และผู้นำจังหวัดมากกว่า 12 คน ในเดือน ม.ค. ทางการจับกุมผู้บริหารจังหวัดที่โด่งดังเรื่องการผลิตกาแฟด้วยข้อกล่าวหาใช้อำนาจและตำแหน่งโดยมิชอบ ไม่กี่วันก่อนตำรวจจับกุมเจ้าหน้าที่อาวุโสระดับจังหวัดสามคนด้วยข้อหารับสินบนพัวพันบริษัทอสังหาริมทรัพย์ฟุคซันกรุ๊ปและถั่่งลองพร็อพเพอร์ตี
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า การสอบสวนทุจริตที่จ่องชูธงว่าเป็นมาตรการที่จำเป็น ได้เล่นงานผู้นำของเวียดนามไปมากมาย และยังจะมีเหล่าผู้นำตกจากอำนาจได้ต่อไปอีกท่ามกลางศึกชิงอำนาจระหว่างฝักฝ่ายต่างๆ ภายในพรรคคอมมิวนิสต์ ที่ไม่มีใครสามารถรวบอำนาจได้แบบเดียวกับที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนทำ