สรุปสะพานบัลติมอร์ถล่ม เสียชีวิต 6 ราย ผู้เชี่ยวชาญชี้ ‘พังง่ายผิดปกติ’

สรุปสะพานบัลติมอร์ถล่ม เสียชีวิต 6 ราย ผู้เชี่ยวชาญชี้ ‘พังง่ายผิดปกติ’

สรุปเหตุการณ์สะพานถล่มในบัลติมอร์ สหรัฐ ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมชี้เป็นเรื่อง ‘ผิดปกติ’ แค่เรือชนตอม่อถึงกับทำสะพานพัง ขณะที่ทางการคาดมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 6 ราย

เหตุการณ์ สะพานฟรานซิส สกอตต์ คีย์ (Francis Scott Key Bridge) พังถล่มที่เมืองบัลติมอร์ ในรัฐแมรีแลนด์ ของสหรัฐ คาดว่าจะส่งผลกระทบยืดเยื้อเป็นเวลาหลายสัปดาห์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการขนส่งถ่านหินและรถยนต์ เนื่องจากเป็นสะพานใหญ่ที่มีความสำคัญทางโลจิสติกส์ โดยเชื่อมต่อเมืองจอร์จทาวน์ในกรุงวอชิงตันดีซี กับเขตอาร์ลิงตัน ของรัฐเวอร์จิเนีย

แต่ที่หลายฝ่ายตั้งคำถามมากที่สุดก็คือ “ทำไมสะพานถึงพังถล่มง่ายเพียงแค่เรือพุ่งชนเสาตอม่อ”

 

ผู้เชี่ยวชาญวิศวกรรมชี้เป็นเรื่อง ‘ผิดปกติ’

เดวิด ไนท์ ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรม เปิดเผยกับสำนักข่าว wired ว่า ตนไม่เซอร์ไพรส์ที่สะพานพังถล่ม

โดยเดวิดเผยว่า โครงสร้างเหล็กขนาดใหญ่อาจดูเหมือนแข็งแรง แต่เหล็กมีน้ำหนักเบาถ้าเทียบขนาดที่เห็นและหากสะพานถูกกระแทกหรือดึงด้วยแรงที่มากพออย่างผิดที่ผิดทาง สะพานก็สามารถพังยับเยินเหมือนแผ่นกระดาษได้

ในกรณีนี้ สะพานฟรานซิส สกอตต์ คีย์ มีลักษณะเป็นสะพานต่อเนื่องหรือสะพานไร้รอยต่อ ซึ่งมีโครงถัก (truss section) ตรงกลางสะพานยาว 366 เมตร (สะพานโครงถักเหล็ก จะใช้คานเหล็กจัดเรียงเป็นรูปสามเหลี่ยมเพื่อรองรับน้ำหนักของสะพาน) และเป็นสะพานโครงถักเหล็กชนิดโค้งต่อเนื่อง 3 ช่วง มีตอม่อสองจุดรองรับน้ำหนักสะพานไว้ ถือเป็นโครงสร้างสะพานที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก

“เมื่อจุดรับน้ำหนักจุดใดพัง สะพานก็จะรองรับน้ำหนักได้ไม่ดี ... มันจะพังลงมาทั้งสามช่วงเหมือนที่เราเห็น” ไนท์ กล่าว

ไนท์ยังได้เผยกับซีบีซี นิวส์ เน็ตเวิร์กด้วยว่า สะพานถล่ม เพราะถูกเรือชนเป็นเรื่อง “ผิดปกติ”

“มันผิดปกติมาก ๆ ที่สะพานถล่มครั้งใหญ่เพราะเรือชน” ไนท์ กล่าว 

“เราเคยเห็นเรือชนกับตอม่อสะพานมามากมาย แต่ปกติแล้วตอม่อออกแบบมาเพื่อรองรับกับระดับการชนของเรือและการขนส่งที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในพื้นที่นั้น ๆ อยู่แล้ว”

ขณะที่เบนจามิน เชฟเฟอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมโยธาและระบบ จากมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอบกินส์ ในบัลติมอร์ เผยกับซีบีซี นิวส์ เน็ตเวิร์กว่า สะพานมีจุดรับน้ำหนัก 2 จุด และเมื่อจุดใดจุดหนึ่งพังลง สะพานก็จะถล่มอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

“เราช่วยอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่ได้” เชฟเฟอร์กล่าว แต่เขาไม่ได้หมายความว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเล็ก 

“นี่ยังคงเป็นความล้มเหลวอย่างเห็นได้ชัด ... ซึ่งอาจไม่ได้เป็นเพราะปัญหาทางกายภาพของเหล็กที่ใช้ทำสะพานอย่างเดียว”

ส่วนวิศวกรคนอื่น ๆ ต่างสงสัยเกี่ยวกับโครงสร้างของสะพานเช่นกัน ซึ่งรวมถึงประเด็นการขาดโครงสร้างป้องกันรอบ ๆ เสาตอม่อรับน้ำหนัก ที่อาจช่วยลดผลกระทบจากการชนของเรือได้

สรุปสะพานบัลติมอร์ถล่ม เสียชีวิต 6 ราย ผู้เชี่ยวชาญชี้ ‘พังง่ายผิดปกติ’

สะพานถล่มกระทบโลจิสติกส์

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ถ่านหินปริมาณมากถึง 2.5 ล้านตัน รถยนต์หลายร้อยคันที่ผลิตโดยฟอร์ด มอเตอร์ (Ford Motor) และ เจนเนอรัล มอเตอร์ส (GM) ตลอดจนไม้แปรรูปและยิปซัม เสี่ยงเผชิญกับการหยุดชะงักหลังจากเรือบรรทุกคอนเทนเนอร์ดาลี (Dali) พุ่งเข้าชนและทำให้สะพานพังถล่มลงมาช่วงเช้าวันอังคาร (26 มี.ค.) ตามเวลาสหรัฐ

สะพานแห่งนี้รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่าคีย์ บริดจ์ (Key Bridge) มีอายุ 47 ปี และมีระยะทาง 1.6 ไมล์ ทอดยาวไปตามแม่น้ำโพโทแมก โดยเชื่อมต่อเมืองจอร์จทาวน์ในกรุงวอชิงตันดีซีกับอาร์ลิงตัน เคาน์ตีของรัฐเวอร์จิเนีย

เจ้าหน้าที่ระบุในช่วงเย็นวันอังคารว่า ในเบื้องต้นคาดว่าน่าจะมีผู้เสียชีวิต 6 ราย หลังจากดำเนินการค้นหาในแม่น้ำปาแทปสโก โดยยอดผู้เสียชีวิตอาจเลวร้ายยิ่งกว่านี้ หากไม่มีสัญญาณขอความช่วยเหลือจากเรือขนส่งลำดังกล่าวเนื่องจากพลังงานหมด

ผลพวงของการพังทลายของสะพานได้ดึงดูดความสนใจมายังความเปราะบางของห่วงโซ่อุปทานโลกอีกครั้ง ซึ่งได้รับผลกระทบจากภัยแล้งในปานามา และการโจมตีด้วยขีปนาวุธใส่เรือขนส่งสินค้าในทะเลแดงของกลุ่มติดอาวุธฮูตีในเยเมน ขณะที่ท่าเรือต่าง ๆ ในรัฐนิวเจอร์ซีย์และเวอร์จิเนียอาจมีการสัญจรหนาแน่นมากขึ้น เพราะต้องรับเรือขนส่งต่าง ๆ ที่ถูกบีบมาจากเมืองบัลติมอร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในท่าเรือที่พลุกพล่านที่สุดบริเวณชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐ

นายจอห์น ลอว์เลอร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของฟอร์ด กล่าวกับบลูมเบิร์กทีวีว่า “ท่าเรือแห่งนี้มีขนาดใหญ่และมีปริมาณการสัญจรคับคั่ง ซึ่งจะส่งผลกระทบแน่นอน ... เราจะดำเนินการแก้ไขปัญหา โดยเราจำเป็นต้องเปลี่ยนเส้นทางไปยังท่าเรืออื่น ๆ ตามแนวชายฝั่งตะวันออกหรือที่อื่น ๆ ในประเทศ”

ด้านเอสแอนด์พี โกลบอล มาร์เก็ต อินเทลลิเจนซ์ ระบุว่า การขนส่งในบัลติมอร์มีสัดส่วนเพียงประมาณ 3% ของการนำเข้าทั้งหมดในชายฝั่งตะวันออกและชายฝั่งอ่าวในรอบปีที่สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ม.ค. แต่เมืองบัลติมอร์มีบทบาทสำคัญยิ่งสำหรับรถยนต์และรถบรรทุกขนาดเล็กของผู้ผลิตรถยนต์จากฝั่งยุโรป เช่น เมอร์เซเดส-เบนซ์, โฟล์คสวาเกน และบีเอ็มดับเบิลยู