กัมพูชาเล็งยื่น 'สงกรานต์' เป็นมรดก UNESCO พร้อม 10 ทรัพย์สินทางวัฒนธรรม
นายกรัฐมนตรีกัมพูชาประกาศเตรียมยื่น '10 ทรัพย์สินทางวัฒนธรรม' เป็นมรดกโลก UNESCO ซึ่งรวมถึง 'สงกรานต์กัมพูชา'
สำนักข่าวซินหัวของทางการจีนรายงานว่า "ฮุนมาเนต" นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ประกาศแผนเสนอรายชื่อทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่จับต้องได้ 7 รายการ และทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ 3 รายการ เพื่อขึ้นบัญชีรายชื่อมรดกโลกของยูเนสโก (UNESCO)
ทรัพย์สิน 3 รายการที่วางแผนยื่นเสนอเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ ได้แก่ "สงกรานต์กัมพูชา" กรอมา (Krama) ผ้าพันคอที่ทอแบบดั้งเดิม และประเพณีการแต่งงานแบบเขมร
ทั้งนี้ สงกรานต์เป็นคำภาษาสันสกฤตที่ใช้เรียกวันปีใหม่ตามปฏิทินทางพุทธศาสนา ซึ่งเทศกาลนี้มีการเฉลิมฉลองในหลายประเทศที่นับถือพุทธศาสนาในเอเชีย อาทิ กัมพูชา ไทย ลาว และเมียนมา โดยในอดีตที่ผ่านมากัมพูชาเรียกเทศกาลนี้ว่า "โจลชนัมทเมย" (Chol Chnam Thmay) แต่ปัจจุบันเปลี่ยนมาเรียกว่า "สงครานต์กัมพูชา" (Cambodian Songkran)
ส่วนสถานที่ 7 แห่งที่จะได้รับการเสนอชื่อเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องได้ ได้แก่
- อดีตเรือนจำเอ็ม-13 (M-13) / พิพิธภัณฑ์การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ตวลสเลง/ และศูนย์การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เจืองแอ็ก
- วัดบันทายฉมาร์
- สถานที่ตั้งของอังกอร์เบอเรยและพนมฎา
- โบราณสถานภูเขาพนมอูดง
- ปราสาทพระขรรค์กำปงสวาย
- วัดเบ็งเมเลีย
- อุทยานเทือกเขาพนมกุเลน
"เราจะเสนอรายชื่อเหล่านี้เป็นมรดกโลกของยูเนสโก เพื่อให้ทรัพย์สินทางวัฒนธรรมของบรรพบุรุษของเราได้รับการยอมรับและอนุรักษ์ในระดับสากล" ฮุนมาเนตกล่าว
นายกฯ กัมพูชาเสริมว่า ปกติแล้วการขึ้นทะเบียนจะใช้เวลาเกือบสองปี และแต่ละประเทศสามารถยื่นเสนอรายชื่อเป็นมรดกโลกของยูเนสโกได้ปีละ 1 รายการเท่านั้น
ทั้งนี้ กัมพูชาจะยื่นเอกสารเพื่อขึ้นทะเบียนสงกรานต์กัมพูชาลงในรายการมรดกที่จับต้องไม่ได้ของยูเนสโกในปี 2025 และคาดว่าจะได้รับการจดทะเบียนอย่างเป็นทางการในปี 2026