เทียบข้อดี-เสีย กาสิโนสีหนุวิลล์ ดูไบ ลาสเวกัส สิงคโปร์ | กันต์ เอี่ยมอินทรา
เปิดข้อดี-ข้อเสียกาสิโนต่างชาติ อาทิ สิงคโปร์ ลาสเวกัส ดูไบ และสหนุวิลล์ รัฐบาลไทยต้องศึกษาย่างรอบคอบว่าประเทศมีความจำเป็น และมีความพร้อมรับมือกับอุตสาหกรรมกาสิโนหรือไม่
ไทยจะมีกาสิโนถูกกฎหมายเร็วๆ นี้? และมันจะได้คุ้มเสียหรือไม่? น่าจะเป็นประเด็นใหญ่ที่ถูกถามถึงมากที่สุด
หลังจากที่คณะกรรมการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) ผ่านการรับรองโดยสภาและกำลังจะส่งให้คณะรัฐมนตรีภายใน 1-2 สัปดาห์นี้
แน่นอนว่า รายงานฉบับนี้บอกถึงผลประโยชน์ที่ไทยจะได้รับคือ เม็ดเงินลงทุนกว่า 300,000 ล้านบาท ภาษีเข้ารัฐกว่าปีละ 20,000 ล้านบาท และอัตราการจ้างงานที่อาจสูงถึง 20,000 ตำแหน่ง แต่คำถามคือ เงินที่ได้มาเหล่านี้จะคุ้มกับต้นทุนที่ไทยต้องเสียไหม?
สิงคโปร์ที่ถือเป็นแหล่งกาสิโนถูกกฎหมายที่ควบคุมอย่างเข้มงวดโดยรัฐ โดยอนุญาตเข้าได้เฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติ หากพลเมืองท้องถิ่นอยากเข้ากาสิโน ก็จำเป็นต้องค่าเข้า 150 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อวัน หรือ 3,000 ดอลลาร์ต่อปี คือเรียกได้ว่ากีดกันพลเมืองที่จะเข้ามาเล่นอย่างเต็มที่
นอกจากนี้ สิงคโปร์เป็นประเทศขนาดเล็กที่มีประชากรไม่มากเพียงไม่ถึง 6 ล้านคน ซึ่งน้อยกว่าคนที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ เสียด้วยซ้ำ ดังนั้น การบริหารจัดการจึงเรียกได้ว่าไม่ลำบาก รัฐบาลสามารถบังคับใช้กฎหมายได้เต็มที่เพราะพื้นที่น้อย รัฐสามารถดูแลอย่างทั่วถึง จึงไม่มีพื้นที่สำหรับผู้มีอิทธิพล ไม่มีบ่อนผิดกฎหมาย และคีย์เวิร์ดสำคัญของตัวอย่างนี้คือ การบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวดมีประสิทธิภาพ
ลาส เวกัส (Las Vegas) ของสหรัฐ และดูไบ (Dubai) ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ที่ถือเป็นแม่แบบขอการพัฒนาเมืองด้วยธุรกิจกาสิโนนี้ เกิดขึ้นจากกาสิโนเพราะทั้งเวกัสและดูไบ คือพื้นที่ทะเลทรายแต่เดิม เพาะปลูกเลี้ยงสัตว์อะไรไม่ได้ และก็ไม่ใช่ชุมทางการค้าด้วยความแห้งแล้งและทำเลที่ตั้ง แต่ทั้งเวกัสและดูไบก็เลือกที่จะใช้กาสิโนเป็นแม่เหล็กแรกๆ ในการดึงดูดคนและเม็ดเงิน
จนในที่สุด ทั้ง 2 เมืองนี้ก็ได้พัฒนาขึ้นอย่างมากจนกลายเป็นหนึ่งในจุดหมายสำคัญ เป็นจุดหมายท่องเที่ยวที่มากกว่ากาสิโน สามารถดึงดูดเม็ดเงินจากแหล่งอื่นๆ ที่นอกเหนือจากกาสิโน อาทิ ห้างสรรพสินค้า โรงแรม การจัดประชุมขนาดใหญ่และคีย์เวิร์ดสำคัญ ของตัวอย่างนี้คือ การพัฒนาเมืองที่แร้นแค้นมีทรัพยากรจำกัดด้วยการใช้กาสิโนเป็นแม่เหล็ก
สีหนุวิลล์ของกัมพูชา ที่ครั้งหนึ่งรัฐบาลเคยมุ่งมั่นพัฒนาให้กลายเป็นมาเก๊าของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การร่วมมือกันของรัฐบาลกัมพูชากับรัฐบาลและภาคเอกชนของจีน พัฒนาพลิกโฉมเมืองตากอากาศริมทะเลที่เงียบสงบจนกลายเป็นเมืองท่องเที่ยวขนาดใหญ่ ที่มีการพัฒนาเมืองอย่างรวดเร็วและมีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีน
แต่การพัฒนาในที่สุดก็หยุดชะงักลง เพราะทุน (จีน) ที่ไหลเข้ามานั้นหยุดชะงัก ประกอบกับนโยบายของรัฐบาลกัมพูชาที่เปลี่ยนแปลงไปต่อการทำกาสิโนถูกกฎหมาย จนทำให้สีหนุวิลล์กลายเป็นเมืองที่พัฒนาไม่เสร็จ ปัญหาสังคมและความรุนแรงเพิ่มขึ้นสูง ทั้งยังเป็นฐานของอาชญากรรมข้ามชาติ อาทิ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ การลักลอบค้ามนุษย์ การใช้แรงงานเถื่อน เป็นต้น และคีย์เวิร์ดสำคัญของตัวอย่างนี้คือ “ปัญหาสังคม”
หากรัฐบาลสามารถเห็นตัวอย่างและตอบคำถามได้ว่า 1. เราสามารถบังคับใช้กฎหมายได้ดีหรือไม่ 2. เราจำเป็นต้องใช้กาสิโนเป็นแม่เหล็กในการพัฒนาเมืองหรือไม่ ถ้าใช่ สมควรจะเป็นเมืองอะไร และ 3. เราจะป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาสังคมได้อย่างไร เมื่อใดที่รัฐสามารถตอบ 3 คำถามแล้ว เมื่อนั้นเราถึงจะสมควรคิดว่าแล้วจะทำอย่างไรให้กาสิโนถูกกฎหมายนั้นเวิร์ค