เรือรบ 'ว็องเดมีแยร์' ปฏิบัติการทางทะเลร่วม 'ไทย-ฝรั่งเศส'
เรือรบ“ว็องเดมีแยร์” ปฏิบัติการทางทะเลร่วม“ไทย-ฝรั่งเศส” ท่ามกลางความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์และการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศโลกในปัจจุบัน
ท่ามกลางความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์และการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศโลกในปัจจุบัน หลายประเทศที่ไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้งกับใคร ต่างพยายามรักความมั่นคง รักษาความสงบเรียบร้อย และให้ความช่วยเหลือที่จำเป็นทั้งในประเทศตนเอง ประเทศพันธมิตร และประเทศที่ต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติมในด้านต่าง ๆ
ปัจจุบัน มีหลายหน่วยงานในหลายประเทศที่ปฏิบัติหน้าที่ให้ความช่วยเหลือประเทศอื่น ๆ ที่วิกฤติ มีทั้งการให้ความช่วยเหลือผ่านทางบก ทางอากาศ และทางทะเล ซึ่งเรือฟริเกต “ว็องเดมีแยร์” (Vendémiaire) ของกองทัพเรือฝรั่งเศส เป็นหนึ่งในเรือรบที่ปฏิบัติหน้าที่ให้ความช่วยเหลือทางทะเลมาแล้วมากมาย
เมื่อเดือน พ.ย.ปีก่อน เกิดเหตุภูเขาไฟระเบิดในปาปัวนิวกินี เรือลำนี้ได้ปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ประชาชน โดยใช้เฮลิคอปเตอร์ที่ประจำการบนเรือ ส่งอาหารและสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบจากภูเขาไฟระเบิดในค่ายผู้ลี้ภัยของปาปัวนิวกินี
ล่าสุด เรือว็องเดมีแยร์ เดินทางถึงไทยเมื่อวันจันทร์ (1 เม.ย.) ที่ผ่านมา เนื่องจากมีกำหนดปฏิบัติภารกิจ “ASIE” เป็นเวลาราว 3 เดือน ร่วมกับพันธมิตรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเรือรบลำนี้จะปฏิบัติภารกิจในไทยจนถึงวันเสาร์ (6 เม.ย.)
กรุงเทพธุรกิจมีโอกาสเยี่ยมชมเรือรบ และสัมภาษณ์นาวาโท เซบัสเตียง ดรูแอล (Commander Sébastien Drouelle) ผู้บัญชาการเรือฟริเกตลำนี้เมื่อวันอังคาร (2 เม.ย.) ถึงความสำคัญของการปฏิบัติภารกิจ ASIE ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยนาวาโท ดรูแอล เผยว่า ภารกิจครั้งนี้เป็นการกระชับความร่วมมือกับประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และประเทศที่เป็นสมาชิก Indo-Pacific Maritime Coordination Center (IPMCC) ในหลายด้าน
"เนื่องจากการแพร่ระบาดโควิดยาวนานมากกว่า 4 ปี ทำให้ไม่สามารถเดินทางมากระชับความร่วมมือกับพันธมิตรได้ ภารกิจครั้งนี้จึงมีจุดประสงค์เดินทางมาเยือนประเทศพันธมิตรเพื่อดำเนินความร่วมมือในด้านต่าง ๆ และกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศรวมถึงกองทัพเรือของเรา" นาวาโทดรูแอล กล่าว
“ที่ผ่านมามีการเปลี่ยนแปลงมากมายทั้งเรือลำนี้และกองทัพเรือของไทย เราจึงต้องพบกันเป็นครั้งแรก เมื่อเช้า เจ้าหน้าที่ของเราได้พบกับเจ้าหน้าที่กองทัพเรือไทย และหารือถึงสิ่งที่เราต้องทำ เมื่อเราออกจากไทย จะมีการฝึกทางเทคนิคบนเรือ เราจำเป็นต้องเปิดการสื่อสาร และจัดตั้งการดำเนินงานร่วมกัน เพื่อสื่อสารกันเมื่ออยู่ในทะเล” ดรูแอล กล่าวเสริม
นาวาโทดรูแอล หวังว่า การเดินทางมาหารือกับไทยในครั้งนี้ จะทำให้การสื่อสารระหว่างกันดีขึ้น และได้ฝึกเกี่ยวกับการสื่อสารด้านการเดินเรือร่วมกัน เพื่อให้เกิดความเข้าใจระหว่างกันมากขึ้น
เมื่อถามถึงสภาพอากาศในการเดินทางปฏิบัติภารกิจนี้ นาวาโทเผยว่า สภาพอากาศในช่วงเดินทางออกจากเมืองนูเมอา นิวแคลิโดเนีย ดินแดนโพ้นทะเลของประเทศฝรั่งเศสนั้นค่อนข้างแปรปรวน แต่เมื่อมาถึงอินโดนีเซียก็เดินทางได้อย่างราบรื่น และทำให้การปฏิบัติภารกิจผ่านพ้นไปด้วยดี
ส่วนในการเดินทางมายังท่าเรือกรุงเทพ (ท่าเรือคอลงเตย) ค่อนข้างง่าย แต่เกิดเหตุติดขัดด้านการสื่อสารเล็กน้อย เนื่องจากมีเรือขนส่งจำนวนมาก
เมื่อถามถึงสิ่งที่สำคัญที่สุดในการปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้คือ นาวาโท ดรูแอล เผยว่า "สิ่งสำคัญคือการหารือกับเจ้าหน้าที่กองทัพเรือประเทศพันมิตร เพื่อให้ทราบข้อมูลที่ตรงกัน ให้ทุกคนเข้าใจตรงกันว่าเราจะทำอะไร และเพื่อให้แน่ใจว่าทุกคนมีจุดมุ่งหมายในทิศทางเดียวกัน"
ทั้งนี้ เรือฟริเกต “ว็องเดมีแยร์” เดินมีความยาว 94 เมตร มีความกว้าง 14 เมตร และมีกำลังพลประจำเรือจำนวน 94 นาย ภายในเรือมีห้องปฏิบัติการมากมาย มีเฮลิคอปเตอร์ไว้คอยอำนวยความสะดวกในการทำภารกิจต่าง ๆ มีเรดาร์ และมีปืนใหญ่อยู่ที่ด้านหน้าของเรือ ปืนนี้มีการฝึกใช้งานทุกสัปดาห์เพื่อให้มั่นใจว่าพร้อมใช้งานเมื่อเกิดเหตุจำเป็น
ก่อนเดินทางมาไทย เรือว็องเดมีแยร์ได้เดินทางไปเยือนติมอร์เลสเต และอินโดนีเซียมาแล้ว ซึ่งการเยือนทั้งสองประเทศดังกล่าวเป็นการกระชับความร่วมมือด้านเดียวกันกับไทย และจะเดินทางไปปฏิบัติภารกิจนี้ในเวียดนาม ฟิลิปปินส์ บรูไน และออสเตรเลียต่อไป