ยอดขาย ‘LVMH’ อ่อนแอลง ผลจากเศรษฐกิจจีนชะลอตัว และยอดขายแชมเปญที่ลดลง
ดูเหมือนปีนี้เป็น "ปีหิน" สำหรับธุรกิจแบรนด์หรู เมื่อยอดขาย "LVMH" อ่อนแอลง อันมาจากความต้องการซื้อจากลูกค้าชาวจีนและยอดขายแชมเปญที่ตกลง
หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทมส์ รายงานว่า การเติบโตด้านยอดขายรายไตรมาสของ “แอลวีเอ็มเอช” (LVMH) บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านแฟชั่นของฝรั่งเศส “อ่อนแอลง” อันมาจากความต้องการซื้อจากลูกค้าชาวจีน และยอดขายแชมเปญที่ลดลง
ยักษ์ใหญ่ด้านสินค้าแฟชั่นอันดับ 1 ของโลกเปิดเผยว่า ยอดขายสินค้าในเอเชีย (ยกเว้นญี่ปุ่น) ซึ่งเป็นตลาดจีนโดยส่วนใหญ่ ปรับตัวลดลง 6% ในไตรมาสแรกของปีนี้ ขณะที่ยอดขายในสหรัฐ และยุโรปเติบโตเพียง 2% และยอดขายในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 32% เพราะปัจจัยเงินเยนอ่อนค่าช่วยสนับสนุน
ซูซานนา พัสซ์ นักวิเคราะห์จากธนาคารยูบีเอส กล่าวว่า ผลประกอบ LVMH ในปีนี้เริ่มต้นด้วยตัวเลขที่อ่อนแอกว่าคาด ซึ่งมาจากตลาดโลกที่ชะลอตัวลง
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ของ LVMH ยังดีกว่า Kering คู่แข่งในตลาดแฟชั่นที่เป็นเจ้าของแบรนด์ Gucci ซึ่งพึ่งพาการบริโภคของตลาดชาวจีนเป็นส่วนใหญ่
Bain & Company บริษัทที่ปรึกษาทางการเงินคาดการณ์ว่า ตลาดแฟชั่นหรูมีแนวโน้มเติบโตราว 1-4% ในปีนี้ จากที่เคยคาดการณ์ในปีที่แล้วว่าอยู่ที่ระดับ 8-10%
ขณะที่ยอดขายส่วนธุรกิจเครื่องหนัง และแฟชั่นที่มีฐานในปารีส อย่าง Christian Dior และ Louis Vuitton เติบโตราว 2% สู่ 10,500 ล้านยูโร ในไตรมาสแรกของปีนี้
ข้อมูลจาก Visible Alpha บริษัทวิเคราะห์ทางการเงิน ระบุว่า หากย้อนไปในช่วงไตรมาส 4 ปี 2565 ที่จีนล็อกดาวน์ประเทศ ยอดขายบริษัทเติบโตถึง 18% แต่ในไตรมาส 4 ปี 2566 ยอดขายในส่วนธุรกิจหลักกลับเติบโตเพียง 9%
อย่างไรก็ตาม ยอดขายของ LVMH ยังคงได้รับแรงหนุนจากลูกค้าชาวจีนทั้งในประเทศจีน และต่างประเทศ โดยยอดขายให้กับลูกค้าชาวจีนทั่วโลกนั้นเติบโตขึ้นประมาณ 10% ซึ่งช้ากว่าช่วงหลังคลายล็อกดาวน์ในช่วงต้นปี 2566 แต่ยังคงแข็งแกร่งกว่าตลาดใหญ่อื่นๆ เช่น สหรัฐและยุโรป ซึ่งเติบโตอย่างอ่อนแอตั้งแต่ปีที่แล้ว
ส่วน Louis Vuitton แบรนด์สุดหรูระดับโลกที่มีรายได้ประจำปีเกินกว่า 20,000 ล้านยูโรนั้น ฌอง-ฌัก กิโยนี ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของ LVMH เปิดเผยว่า ยอดขายในสหรัฐแทบจะไม่เปลี่ยนแปลง และยอดขายในยุโรปนั้น "ติดลบเล็กน้อย" ในไตรมาสนี้
แม้ LVMH ซึ่งมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 396,000 ล้านยูโร ไม่ได้เปิดเผยผลประกอบการแยกตามแบรนด์ แต่กิโยนี กล่าวว่า การเติบโตยอดขายทั่วโลกของแบรนด์ชั้นนำอย่าง Dior และ Louis Vuitton อยู่ในระดับ "ใกล้เคียงกัน" ที่ประมาณ 2%
“LVMH คาดหวังจะเห็น การปรับตัวที่ดีขึ้นอย่างช้าๆ ในสหรัฐ เนื่องจากงบใช้จ่ายของลูกค้าถูกกดดันจากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น และภาวะเงินเฟ้อ พวกเราคิดว่า จะเห็นการปรับตัวที่ดีขึ้นทีละน้อย แต่จะใช้เวลาหลายไตรมาส หรืออาจจะยาวนานถึงหลายปี" กิโยนี กล่าว
อ้างอิง: ft
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์