มูลค่าบริษัท Meta ดิ่งเหว หลัง'ซีอีโอ'มุ่งเป้าเผาเงินไปกับ AI และเมตาเวิร์ส
ราคาหุ้นเมตาดิ่ง 19% ฉุดมูลค่าบริษัทร่วง 2 แสนล้านดอลลาร์ แม้ผลประกอบการไตรมาสแรกแข็งแกร่ง แต่นักลงทุนเทขายหุ้นหลัง “มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก” มุ่งเป้าการลงทุนไปกับ AI และ Metaverse ที่ทำให้บริษัทขาดทุนในตอนนี้ ว่าเป็น “การลงทุนระยะยาว”
ราคาหุ้นของบริษัทเมตา(Meta)บริษัทแม่ของเฟซบุ๊ก(Facebook)ร่วง 19% สวนทางการเผยผลประกอบการไตรมาสแรกที่ออกมา “แข็งแกร่ง” แสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจของนักลงทุนส่งผลให้มูลค่าตลาดหายไปกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์ แม้ว่ามีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในธุรกิจหลัก จากการมีรายได้ 3.6 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 27% มีกำไร 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่าสองเท่าจากไตรมาสแรกปี 2566
เนื่องจาก“มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก” ซีอีโอของเมตาเปิดการประชุมสรุปผลประกอบการด้วยการพูดถึงปัญญาประดิษฐ์ (AI) จากนั้นเขาเปลี่ยนไปพูดถึงโลกเสมือน (metaverse) พร้อมกับโฆษณาแว่นตา ชุดแฮนด์ฟรี และระบบปฏิบัติการของบริษัท โดยใช้เวลาเกือบทั้งหมดของคำกล่าวเปิดงานไปกับการพูดถึงวิธีต่างๆ ที่เมตา “ขาดทุน”
นักลงทุนเทขายหุ้นหลัง Zuckerberg พูดถึง AI และ Metaverse
โดยระหว่างการประชุมนักลงทุนก็เริ่มทยอยขายหุ้นออกไป เนื่องจาก Meta ออกประมาณการรายได้ที่ค่อนข้างต่ำสำหรับไตรมาสที่สอง ส่งผลกระทบต่อการทำกำไรในไตรมาสแรก ขณะที่ราคาหุ้นร่วงลงอย่างรุนแรง Zuckerberg บอกกับนักลงทุนว่า หากพวกเขายินดีที่จะร่วมทางด้วย พวกเขาก็อาจได้รับผลตอบแทนที่ดี
"ตามประวัติศาสตร์แล้ว การลงทุนเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ใหญ่ขึ้นและใหม่มากเหล่านี้ในแอปของเรา ถือเป็นการลงทุนระยะยาวที่ดีมากสำหรับเราและนักลงทุนที่อยู่กับเรา และแนวโน้มเบื้องต้นก็ค่อนข้างเป็นไปในเชิงบวกเช่นกัน แต่การพัฒนา AIที่น่าจะใช้เวลาหลายปีในครั้งนี้ จะพิเศษว่าประสบการณ์ครั้งที่ผ่านมา " Zuckerberg กล่าว
“ผมคิดว่ามันคุ้มค่าที่จะพูดถึงตรงนี้ว่าตามแผนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของเรา ในช่วงที่เรากำลังลงทุนเพื่อขยายผลิตภัณฑ์ใหม่ แต่ยังไม่สามารถสร้างรายได้จากมัน เราเคยเห็นความผันผวนของราคาหุ้นอย่างมากมาโดยตลอด”
ซัคเคอร์เบิร์ก กล่าว พร้อมยกตัวอย่างความพยายามในอดีตที่ประสบความสำเร็จ เช่น บริการวิดีโอสั้น Reels, Stories และการเปลี่ยนไปใช้แพลตฟอร์มมือถือ
ในตอนนี้ Meta พึ่งพาโฆษณาออนไลน์เป็นแหล่งรายได้หลัก โดยบริษัทสร้างรายได้ 98% จากโฆษณาออนไลน์แสดงให้เห็นถึงการพึ่งพาโมเดลธุรกิจนี้ แต่ซัคเคอร์เบิร์กกำลังเปลี่ยนแปลงโมเดลรายได้ ด้วยการมองหาโอกาสใหม่ ๆ ในธุรกิจขนาดใหญ่ เช่น การส่งข้อความทางธุรกิจ โฆษณา และเนื้อหาแบบเสียค่าใช้จ่ายที่ขับเคลื่อนด้วย AI
ซัคเคอร์เบิร์กพูดถึง Meta Llama 3 โมเดลภาษาขนาดใหญ่รุ่นล่าสุดของบริษัท ซึ่งแสดงถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการพัฒนาเทคโนโลยี AI หลังจากเปิดตัว Meta AI แพลตฟอร์ม AI ของบริษัทเพื่อแข่งขันกับ ChatGPT ของ OpenAI
กลยุทธ์ของ Meta ในอนาคต
รวมทั้งซัคเคอร์เบิร์กพูดถึงโอกาสในการขยายตลาดด้วยชุดหูฟัง Mixed Reality เช่น ชุดหูฟังสำหรับการทำงานหรือออกกำลังกาย และพูดถึงแว่น AR ของ Meta ซึ่งเขาเรียกว่า "อุปกรณ์ที่เหมาะสำหรับผู้ช่วย AI
ท่ามกลางความพยายามเหล่านี้ แผนก Reality Labs ของ Meta ผู้พัฒนาฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์สำหรับโครงการโลกเสมือนจริง (metaverse) ที่ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นที่มีการขาดทุนอย่างหนัก โดย Reality Labs รายงานยอดขาย 440 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรก แต่ขาดทุน 3.85 พันล้านดอลลาร์ รวมแล้วตั้งแต่ปลายปี 2563 แผนกนี้ขาดทุนสะสมไปกว่า 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์
เหมือนว่า Meta กำลังพยายามสร้างกลยุทธ์ที่ทะเยอทะยานอย่างมาก เพื่อขยายธุรกิจไปไกลกว่าโฆษณาออนไลน์ ซึ่งเวลาเท่านั้นที่จะบอกได้ว่ากลยุทธ์นี้จะประสบความสำเร็จหรือไม่ อย่างไรก็ตาม Reality Labs ยังคงเผชิญกับความท้าทาย เพราะมีการขาดทุนสะสมมหาศาล ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรง ประกอบกับความท้าทายทางเทคโนโลยี
2 กลยุทธ์หลักของ Meta
โดยรวมแล้ว การแถลงล่าสุดของซักเคอร์เบิร์กเน้นย้ำถึง 2 กลยุทธ์หลักของ Meta คือการควบคุมค่าใช้จ่ายและการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ และการลงทุนระยะยาวในปัญญาประดิษฐ์
ซักเคอร์เบิร์กย้ำว่าบริษัทจะยังคงควบคุมค่าใช้จ่ายและเปลี่ยนแปลงการลงทุน โดยทรัพยากรจะถูกจัดสรรใหม่เพื่อมุ่งเน้นไปที่การลงทุนใน AI ทำให้ค่าใช้จ่ายด้านทุนประจำปี 2567คาดว่าจะอยู่ที่ 35,000 ล้านดอลลาร์ถึง 40,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากประมาณการเดิมเพื่อลงทุนใน AI
อย่างไรก็ดี ซักเคอร์เบิร์กคาดการณ์ว่าจะต้องใช้เวลาหลายปีก่อนที่ผลิตภัณฑ์ AI ของ Meta จะสร้างผลกำไร แม้ว่ายังไม่ได้ระบุไทม์ไลน์ที่ชัดเจนสำหรับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ AI ที่ทำกำไรได้ แต่เขามั่นใจในศักยภาพของบริษัทในด้านนี้
Meta มั่นใจว่ากลยุทธ์นี้จะช่วยให้บริษัทบรรลุเป้าหมายระยะยาวในการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี อาจเห็น "วัฏจักรการลงทุนหลายปี" ก่อนที่ผลิตภัณฑ์ AI ของ Meta จะขยายไปสู่บริการที่ทำกำไรได้ ซึ่งบริษัทมีศักยภาพที่แข็งแกร่งในด้านนี้
ซูซาน ลี หัวหน้าฝ่ายการเงินของ Meta เห็นด้วยกับคำพูดของ Zuckerberg โดยบอกว่า บริษัทจำเป็นต้องพัฒนาโมเดลขั้นสูงและขยายผลิตภัณฑ์ก่อนที่จะสร้างรายได้ที่สำคัญ
"แม้จะมีศักยภาพมหาศาลในระยะยาว แต่เรายังอยู่ในช่วงการพัฒนา New S-Curve" ลีกล่าว
Meta เคยสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนสำเร็จ
อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นของ Meta พุ่งขึ้นเกือบ 3 เท่าเมื่อปีที่แล้ว และเพิ่มขึ้น 40% ในปี 2567 โดยเคยทำราคานิวไฮที่ 527.34 ดอลลาร์ในช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา หลังสถานการณ์บริษัทย่ำแน่ในช่วงปี 2565
ซีอีโอของ Meta เน้นย้ำถึงปี 2566 ว่าจะเป็น "ปีแห่งประสิทธิภาพ" โดยบริษัทได้ลดจำนวนพนักงานและยุติโครงการที่ไม่จำเป็น สู่เป้าหมายที่สำคัญคือการสร้าง "องค์กรที่แข็งแกร่งและคล่องตัวมากขึ้น" ซึ่งแผนการลดต้นทุนเหล่านี้แสดงให้เห็นว่านักลงทุนเชื่อมั่นในกลยุทธ์ของ Zuckerberg และทำให้ราคาหุ้น Meta ฟื้นชีพอีกครั้ง
อ้างอิง CNBC