‘อินเดีย’ มั่นใจ นโยบายใหม่ด้าน EV ช่วยดึงค่ายรถต่างชาติมากขึ้น
อินเดียเชื่อมั่นว่า นโยบายใหม่ด้าน EV ด้วยการลดภาษีนำเข้า จะช่วยดึงค่ายรถต่างชาติให้เข้ามาในตลาดประเทศมากขึ้น พร้อมตั้งเป้าหมายการผลิตภายในประเทศที่ 25% ภายในปีที่สาม และ 50% ภายในปีที่ห้า
สำนักข่าวซีเอ็นบีซี รายงานอ้างความเห็นของ ราเจช คูมาร์ สิงห์ เลขาธิการกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมและการค้าภายในประเทศของอินเดียที่มองว่า อินเดียมั่นใจใน “มาตรการใหม่ด้านนโยบายยานยนต์ไฟฟ้า” (EV) ว่าจะช่วยเปิดตลาดให้ผู้เล่นระดับโลกมากขึ้น
สิงห์ กล่าวกับ ศรี เจกราจาห์ แห่งซีเอ็นบีซีว่า “มาตรการนี้เกี่ยวข้องกับการลดภาษีนำเข้าในปริมาณที่จำกัดสำหรับรถ EV โดยมีเงื่อนไขว่า ผู้ผลิตเหล่านั้นจะต้องลงทุนในอินเดียเป็นจำนวนเงินขั้นต่ำ 500 ล้านดอลลาร์"
เขาเสริมว่า “เราต้องบรรลุเป้าหมายการผลิตภายในประเทศที่ 25% ภายในปีที่สาม และ 50% ภายในปีที่ห้า มาตรการนี้มีไว้สำหรับผู้ผลิต EV ระดับโลก และผู้ผลิตในประเทศทั้งหมด”
เมื่อเดือนก.พ. ที่ผ่านมา VinFast ค่ายรถเวียดนาม ได้เริ่มสร้างโรงงานผลิตยานยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจรในรัฐทมิฬนาฑู ทางตอนใต้ของอินเดีย โดยมีแผนลงทุนเริ่มแรกที่ 500 ล้านดอลลาร์ภายในห้าปี ซึ่งจะมีกำลังการผลิตที่คาดการณ์ไว้ที่ 150,000 คันต่อปีตามแถลงการณ์บริษัท
อีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่ (ซีอีโอ) ของ Tesla เคยกล่าวว่า เขารู้สึกตื่นเต้นอย่างไม่น่าเชื่อเกี่ยวกับอนาคตของอินเดีย
อย่างไรก็ตาม เมื่อเร็วๆ นี้ เขาได้เลื่อนกำหนดการที่จะพบกับ นเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย โดยอ้างเหตุผลว่า ติดภารกิจสำคัญที่ Tesla
แม้ว่าอีลอนไม่ได้พบปะกับนายกฯ อินเดีย แต่คูมาร์ สิงห์ กล่าวว่า ประตูยังคงเปิดกว้างสำหรับ Tesla และอีเมอริทัส ราจีฟ ชาบา ซีอีโอของ MG Motor ประจำอินเดีย กล่าวว่า เนื่องจากการแข่งขันในตลาด EV ของอินเดียยังคงมีจำกัด การเข้ามาของผู้เล่นรายใหญ่อย่าง Tesla จะช่วยสร้างความสมดุลให้กับตลาด
ข้อมูลจากบริษัทวิจัยตลาด Counterpoint Research ระบุว่า ยอดขาย EV ในอินเดียเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าในปี 2566 ซึ่งเป็นผลมาจากความสนใจที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภค และนโยบายของรัฐบาล อีกทั้งเป็นที่คาดว่า ยอดขาย EV นี้จะเพิ่มขึ้นอีก 66% ในปี 2567 โดยคิดเป็นสัดส่วน 4% ของยอดขายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลทั้งหมด
Counterpoint เสริมอีกว่า ภายในปี 2573 รถยนต์ไฟฟ้าเป็นที่คาดว่าจะมีสัดส่วนเกือบหนึ่งในสามของตลาดรถยนต์ส่วนบุคคลของอินเดีย นี่เป็นสัญญาณของแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่งในระยะยาวของภาคยานยนต์ประเทศ
นอกจากนี้ นายกฯ โมดี ตั้งเป้าหมายให้มีการใช้รถยนต์ EV ที่ 30% ภายในปลายทศวรรษนี้ ซึ่งนายสิงห์ มองว่าเป็นเป้าหมายที่เป็นไปได้จริง
"สำหรับการใช้รถยนต์ EV ส่วนบุคคล ผมคิดว่า การคาดการณ์ที่สมจริงน่าจะอยู่ที่ 15-20% ภายในเวลานั้น แต่โดยรวมแล้ว ถ้าพิจารณาไปที่ยานพาหนะทุกประเภท รวมถึงรถเพื่อการพาณิชย์ของเรา ทั้งรถสามล้อ และมอเตอร์ไซค์ แน่นอนว่าเราจะบรรลุเป้าหมายเกิน 30%" สิงห์ กล่าว
เลขาธิการกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมและการค้าภายในผู้นี้ยังมองว่า "สำหรับรถยนต์ส่วนบุคคล เราประสบปัญหากับความล่าช้า ซึ่งอัตราการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าจนถึงตอนนี้มีเพียง 2% เท่านั้น ดังนั้น เราจึงต้องการกระตุ้นกระบวนการนี้ด้วยการสร้างนโยบายที่จูงใจผู้ผลิตเข้ามาในอินเดียมากขึ้น พร้อมนำเข้าโมเดลรถล่าสุด และเทคโนโลยีของพวกเขาเข้ามา"
อ้างอิง: cnbc
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์