ม.โคลัมเบีย เริ่มพักการเรียนนักศึกษาหนุนปาเลสไตน์ หลังเจรจายุติชุมนุมล้มเหลว

มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย เริ่มดำเนินการพักการเรียนกลุ่มนักศึกษาที่ออกมาชุมนุมสนับสนุนปาเลสไตน์ ที่ไม่ยอมยุติการปักหลักพักค้างในวิทยาเขตนิวยอร์กซิตี้ หลังมหาวิทยาลัยที่เป็นสมาชิกไอวีลีก (Ivy League) แห่งนี้ ประกาศว่า การเจรจาเพื่อยุติการประท้วงแบ่งขั้วประสบความล้มเหลว

“เนมัต มินูช ชาฟิก” อธิบดีมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย กล่าวในแถลงการณ์ว่า การเจรจาระหว่างกลุ่มนักศึกษาที่จัดชุมนุม และผู้นำด้านวิชาการ ประสบความล้มเหลวในการโน้มน้าวกลุ่มผู้ประท้วงให้รื้อถอนเตนท์ในพื้นที่ชุมนุม

วานนี้ (29 เม.ย.) ม.โคลัมเบียได้ออกจดหมายเตือนนักศึกษาที่ไม่ยอมรื้อถอนเตนท์ออกจากจุดชุมนุมภายในเวลา 14.00 น. ตามเวลาเขตตะวันออก (ET) ของวันจันทร์ (ตรงกับเวลาประมาณ 1.00 น. ของวันอังคารที่ 30 เม.ย. ตามเวลาไทย) และลงนามให้คำมั่นว่าจะปฏิบัติตามนโยบายมหาวิทยาลัย อาจถูก “พักการเรียน” และไม่อาจสำเร็จการศึกษาในภาคการเรียนนี้ได้ด้วยดี

ด้านนักศึกษาที่ออกมาประท้วง กล่าวว่า จะปักหลักพักค้างในวิทยาเขตแมนฮัตตัน จนกว่า ม.โคลัมเบียจะทำตามข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ได้แก่ 

1.ถอนการลงทุนออกจากบริษัทที่มีความเกี่ยวข้องกับอิสราเอล หรือธุรกิจที่ได้ผลประโยชน์จากการทำสงครามกับฮามาส 

2.เปิดเผยการเงินของมหาวิทยาลัยอย่างโปร่งใส 

3.นิรโทษกรรมการลงโทษทางวินัยของนักศึกษาและคณาจารย์ที่ออกมาชุมนุมประท้วง

แกนนำแนวร่วม Columbia Student Apartheid Divest ระบุในแถลง หลังมหาวิทยาลัยประกาศขีดเส้นตาย

“กลยุทธ์น่ารังเกียจที่สร้างความหวาดกลัวไม่มีค่าอะไรเมื่อเทียบกับชาวปาเลสไตน์ที่เสียชีวิตไปมากกว่า 34,000 คน เราจะไม่ย้ายไปไหนจนกว่า (มหาวิทยาลัย) โคลัมเบียจะทำตามข้อเรียกร้องของเรา หรือมาเคลื่อนย้ายกลุ่มเราด้วยกำลัง”

หลังจาก ชาฟิก อธิบดีม.โคลัมเบีย ให้ตำรวจเข้าจับกุมนักศึกษาที่ออกมาประท้วงกว่า 100 คนเมื่อวันที่ 18 เม.ย. นักศึกษามหาวิทยาลัยอื่น ๆ ตั้งแต่แคลิฟอร์เนียไปจนถึงนิวอิงแลนด์ ได้ออกมาชุมนุมปักหลักพักค้างเพื่อแสดงความไม่พอใจต่อปฏิบัติการของอิสราเอลในกาซา และการมีส่วนสนับสนุนสงครามของมหาวิทยาลัย

ล่าสุด มีการจับกุมนักศึกษาหลายสิบคนในมหาวิทยาลัยเท็กซัสที่พ่นสเปร์ย์พริกไทยใส่กลุ่มผู้ชุมนุมสนับสนุนปาเลสไตน์

การชุมนุมสนับสนุนปาเลสไตน์กลายเป็นประเด็นถกเถียงอย่างดุเดือดในมหาวิทยาลัย เกี่ยวกับประเด็นที่สถานศึกษาควรให้คำจำกัดความด้านเสรีภาพในการแสดงออก และถ้อยคำสร้างความเกลียดชัง

 

 

 

อ้างอิง: Reuters