คาด ‘โตโยต้า’ กำไรพุ่งทุบสถิติ อานิสงส์ลุย ‘ไฮบริด’ ช่วง EV แผ่ว

คาด ‘โตโยต้า’ กำไรพุ่งทุบสถิติ อานิสงส์ลุย ‘ไฮบริด’ ช่วง EV แผ่ว

คาด ‘โตโยต้า’ มีกำไรเพิ่มขึ้นถึง 80% สูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากแรงหนุนของยอดขายรถยนต์ไฮบริด ท่ามกลางกระแสความนิยมของรถยนต์ไฟฟ้าที่ชะลอตัว

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า “โตโยต้า มอเตอร์” (Toyota) คาดว่าจะสามารถทำกำไรได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ในการรายงานผลประกอบการประจำปีในวันพรุ่งนี้ (8 พ.ค.67) โดยได้รับแรงหนุนครั้งใหญ่จากยอดขายรถยนต์ไฮบริดที่บริษัทเร่งขยายการส่งออก ในช่วงที่กระแสความนิยมของรถยนต์ไฟฟ้าชะลอตัวในปีที่แล้ว

‘โตโยต้า’ คาดกำไรนิวไฮ

ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โตโยต้าได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรจากการดำเนินงานสำหรับปีงบประมาณที่สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม เป็น 4.9 ล้านล้านเยน หรือราว 3.1 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งผลประกอบการดังกล่าวจะเป็นสถิติกำไรสูงสุดทุบสถิติใหม่ และเพิ่มขึ้นถึง 80% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

 

จากการสำรวจนักวิเคราะห์ 9 คนโดย LSEG คาดว่าโตโยต้าจะมีกำไรจากการดำเนินงาน 7.47 แสนล้านเยนในไตรมาสที่ 4 เนื่องจากความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าแบบใช้แบตเตอรี่ (BEV) ทั่วโลกชะลอตัว โตโยต้าจึงสามารถทำกำไรได้จากการขายรถยนต์ไฮบริดมากขึ้น ซึ่งมีอัตรากำไรค่อนข้างสูงกว่ารถยนต์เบนซินทั่วไป

อย่างไรก็ตาม แม้คาดว่าบริษัทจะทำผลประกอบการทุบสถิติใหม่ ซึ่งส่วนหนึ่งได้รับแรงหนุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินเยนที่อ่อนค่า แต่โตโยต้าก็ยังต้องเผชิญความท้าทายในตลาดสำคัญ ๆ โดยเฉพาะในประเทศจีน กับสงครามราคาที่รุนแรง ขณะที่ในสหรัฐฯ ตลาดได้รับผลกระทบจากผู้บริโภคที่ต้องรับมือกับต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้น

ไฮบริดแกร่ง แต่รถยนต์ไฟฟ้ายังตามหลัง

โตโยต้าเป็นผู้บุกเบิกตลาดรถยนต์ไฮบริดเมื่อกว่า 25 ปีที่แล้ว โดยเปิดตัวรุ่น Prius ซึ่งรถยนต์ไฮบริดคิดเป็นสัดส่วนมากกว่าหนึ่งในสามของยอดขายรวม 10.3 ล้านคันของโตโยต้าในปีงบประมาณที่เพิ่งสิ้นสุดลง รวมถึงแบรนด์ Lexus แบรนด์ลูกของโตโยต้าที่ถูกวางตำแหน่งให้เป็นรถยนต์หรูหรา

ถึงแม้โตโยต้าจะเป็นผู้นำด้านรถยนต์ไฮบริด แต่บริษัทยังตามหลังคู่แข่งอย่าง เทสลา (Tesla)  รวมถึงบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ยุโรปและจีนในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ขณะนี้รถยนต์ไฟฟ้าแบบใช้แบตเตอรี่ คิดเป็นเพียง 1% ของยอดขายทั่วโลกในปีที่แล้ว หรือประมาณ 116,500 คัน ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ที่ 202,000 คัน

โคจิ เอ็นโด หัวหน้าฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ของ SBI Securities มองว่า อนาคตของโตโยต้าในประเทศจีน คาดว่าจะขึ้นอยู่กับยุทธศาสตร์รถยนต์อีวี เนื่องจากผู้ซื้อชาวจีนชื่นชอบรถยนต์ที่มีระบบซอฟต์แวร์ที่ทันสมัย ซึ่งโตโยต้าอาจจะไม่สามารถสร้างผลงานโดดเด่นในอีก 3 ปีข้างหน้า จนกว่าจะเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ในประเทศจีน “เห็นได้ชัดว่าพวกเขาล้าหลังในแง่ของซอฟต์แวร์” เขากล่าว

ก่อนหน้านี้ โตโยต้าประกาศว่าจะร่วมมือกับ “เท็นเซ็นต์” บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีน และเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าแบบใช้แบตเตอรี่สองรุ่นสำหรับตลาดจีนในงานแสดงรถยนต์ปักกิ่งเมื่อเร็วๆ นี้

ยอดขายรถยนต์ของโตโยต้าในจีน ลดลง 1.6% ในไตรมาสแรกของปี 2567 แม้จะถือว่าดีกว่ายอดขายที่ลดลงอย่างรุนแรงของ “นิสสัน” และ “ฮอนด้า” คู่แข่งสัญชาติญี่ปุ่น แต่ถือว่าเลวร้ายหากเทียบกับยอดขายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลทั่วทั้งภาคอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น 12.5% ตามข้อมูลจากสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์

อ้างอิง reuters