สื่อชี้ยักษ์กาสิโนมาเลเซีย 'เก็นติ้ง กรุ๊ป' อาจร่วมประมูลกาสิโนไทย
นักวิเคราะห์คาดยักษ์กาสิโนมาเลเซีย ‘เก็นติ้ง กรุ๊ป’ จ่อร่วมประมูลเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ในไทย หากร่างกฎหมายกาสิโนถูกกฎหมายคลอดสำเร็จ สื่อเผยรายใหญ่ฝั่งสหรัฐ ลาสเวกัส แซนด์ - วินน์ รีสอร์ต สนใจเช่นกัน
อินไซด์ เอเชียน เกมมิ่ง เว็บไซต์เกี่ยวกับธุรกิจการพนันในเอเชีย รายงานอ้างบทนักวิเคราะห์จากโนมูระว่า เก็นติ้ง กรุ๊ป (Genting Group) จากประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นบริษัทโฮลดิ้งที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับความบันเทิง การบริการ และกาสิโนในหลายประเทศทั่วโลก อาจเข้าร่วมประมูลเพื่อพัฒนาสถานบันเทิงครบวงจรในประเทศไทย หากมีการผ่านร่างกฎหมายกาสิโนถูกกฎหมายออกมาได้สำเร็จ
รายงานอ้างมุมมองของทูชาร์ โมฮาตา และอัลพา อักกราวัล นักวิเคราะห์จากโนมูระ ที่วิเคราะห์ผลกระทบทางธุรกิจต่อเก็นติ้ง กรุ๊ป จากความพยายามเปิดกาสิโนถูกกฎหมายในประเทศไทย ภายหลังมีความคืบหน้าที่สภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบรายงานศึกษาผลกระทบการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์) เมื่อวันที่ 28 มี.ค. และที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาศึกษาดังกล่าวไปเมื่อวันที่ 9 เม.ย. โดยให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาศึกษารายละเอียดและดูผลกระทบของประชาชนในพื้นที่ภายในเวลา 30 วัน
รายงานระบุว่า การตัดสินใจเชิงบวกใดๆ ก็ตามเกี่ยวกับกาสิโนถูกกฎหมายของไทย จะส่งผลกระทบต่อเก็นติ้ง กรุ๊ป เนื่องจากเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ในไทยจะหนีไม่พ้นการแข่งขันดึงลูกค้าต่างชาติกลุ่มเดียวกันจากธุรกิจเก็นติ้งรีสอร์ตในประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์
“ดังนั้นเราจึงเชื่อว่าเก็นติ้ง กรุ๊ป จะเข้าร่วมในการประมูลเพื่อพัฒนาเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ในไทยด้วย หากมีการเริ่มเดินหน้าเรื่องนี้ได้” นักวิเคราะห์ของโนมูระระบุ
ก่อนหน้านี้เมื่อเดือน ม.ค. ธนาคารเมย์แบงก์ก็ได้ออกบทวิเคราะห์ในทำนองคล้ายกันว่า บริษัทเก็นติ้ง สิงคโปร์ ซึ่งเป็นผู้ดำเนินธุรกิจรีสอร์ต เวิลด์ เซ็นโตซา ภายใต้บริษัทแม่เก็นติ้ง กรุ๊ป ประเทศมาเลเซีย อาจจะเข้าร่วมประมูลใบอนุญาตประกอบกิจการรีสอร์ตและกาสิโนในประเทศไทย หากมีการผ่านกฎหมายออกมาได้สำเร็จ
ซามูเอล ยิน เชา หยาง นักวิเคราะห์จากเมย์แบงก์คาดการณ์ว่า การลงทุนของเก็นติ้ง สิงคโปร์อาจเป็นลักษณะของการตั้งกิจการร่วมค้ากับธุรกิจท้องถิ่นในประเทศ เหมือนกับที่เคยทำมาก่อนในประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ เช่น การลงทุนที่เกาะเชจู ในปี 2559 และการสร้างรีสอร์ตครบวงจรในโยโกฮามา ระหว่างเก็นติ้ง สิงคโปร์ กับกลุ่มคอนซอร์เตียมญี่ปุ่น ในปี 2564
เจ้าของคือมหาเศรษฐีอันดับ 8 ในมาเลเซีย
ทั้งนี้ เก็นติ้ง กรุ๊ป คือธุรกิจโฮลดิ้งยักษ์ใหญ่จากประเทศมาเลเซีย ซึ่งดำเนินธุรกิจหลากหลายประเภทตั้งแต่ความบันเทิงครบวงจร โรงแรมและกาสิโน ไปจนถึงปาล์มน้ำมันและพลังงาน ผ่านบริษัทลูกหลายแห่งทั้งในและต่างประเทศ เช่น เก็นติ้ง มาเลเซีย ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหุ้นมาเลเซียและมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ประมาณ 1.75 หมื่นล้านริงกิต
ผู้นำเก็นติ้ง กรุ๊ป ในรุ่นปัจจุบันคือ ลิม โก เทย์ (Lim Goh Thay) ซึ่งขึ้นทำเนียบเป็นมหาเศรษฐีที่มั่งคั่งที่สุดเป็นอันดับ 8 ในประเทศมาเลเซีย ประจำปีนี้ ด้วยมูลค่าสินทรัพย์ราว 2.3 พันล้านดอลลาร์ แม้ว่าจะลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เนื่องจากเพิ่งยื่นขอปิดกิจการเรือสำราญ เก็นติ้ง ฮ่องกง ไปเมื่อปี 2565 เนื่องจากพิษโควิดไปก็ตาม
ธุรกิจในสหรัฐสนใจกาสิโนไทย
ทางด้านเว็บไซต์จีจีอาร์เอเชียรายงานว่า บริษัทวินน์ รีสอร์ต (Wynn Resorts) ซึ่งดำเนินธุรกิจโรงแรมสถานบันเทิงและกาสิโนในสหรัฐ มีความสนใจเรื่องโอกาสการลงทุนกาสิโนในประเทศไทยเช่นกัน
เคร็ก บิลลิงส์ กรุ๊ปซีอีโอของวินน์ รีสอร์ต กล่าวว่า ประเทศไทยยังอยู่ในช่วงต้น และยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่ากฎหมายกาสิโนจะออกมาได้หรือไม่ กฎระเบียบและโครงสร้างเกี่ยวกับใบอนุญาตจะเป็นอย่างไร แต่ประเทศไทยนั้นถือเป็นจุดหมายสำคัญด้านการท่องเที่ยวอยู่แล้ว มีโครงสร้างพื้นฐานทางการท่องเที่ยวที่แข็งแกร่งและมีวัฒนธรรมการบริการระดับเวิลด์คลาส ดังนั้น บริษัทจึงจะติดตามสถานการณ์ความคืบหน้าเรื่องการผลักดันกฎหมายกาสิโนต่อไปอย่างใกล้ชิด
ขณะที่ก่อนหน้านี้มีรายงานในเว็บไซต์เอเชีย เกมมิ่ง บรีฟ เช่นกันว่า ร็อบ โกลด์สตีน ซีอีโอบริษัทลาสเวกัส แซนด์ส (Las Vegas Sands) เปิดเผยว่า มีความสนใจในการลงทุนเกี่ยวกับกาสิโนในประเทศไทย ซึ่งแม้จะยังอยู่ในช่วงต้น แต่ประเทศไทยเป็นตลาดที่น่าสนใจในหลายด้านทั้งจำนวนประชากร การเข้าถึง และการเป็นจุดหมายของนักเดินทางต่างประเทศ ซึ่งไทยมีโอกาสความเป็นไปได้ที่จะได้เปิดกาสิโนแห่งแรกเร็วยิ่งกว่าญี่ปุ่น ที่คาดว่าจะมีขึ้นในปี 2573