ไบเดนจ่อตั้งกำแพงภาษี 'สินค้าจีน' สัปดาห์หน้า คาด 'อีวี-โซลาร์' ไม่รอด
สื่อเผย 'ไบเดน' เตรียมแถลงมาตรการ 'กำแพงภาษี' สินค้าจีนที่ล้นทะลักตลาดสหรัฐภายใต้มาตรา 301 ในสัปดาห์หน้า คาดของเดิมจากยุคทรัมป์ยังไปต่อ ส่วนของใหม่เล็งกลุ่มสินค้ายุทธศาสตร์ตั้งแต่ อีวี แบตเตอรี และโซลาร์เซลล์
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานอ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องว่า รัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ มีแผนที่จะเปิดเผยรายละเอียดการใช้มาตรการตอบโต้การทะลักของ "สินค้าจีน" ในสัปดาห์หน้า โดยคาดว่าจะเป็นการขึ้นภาษีในกลุ่มสินค้ายุทธศาสตร์ที่มีความสำคัญ แต่จะไม่ใช่วิธี "หว่านแห" ตั้งกำแพงภาษีในภาพรวมเหมือนที่เคยทำมาในยุคอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
แหล่งข่าว 2 รายเปิดเผยกับบลูมเบิร์กว่า การตัดสินใจดังกล่าวเป็นการทบทวนมาตรการกำแพงภาษีภายใต้ "มาตรา 301" ของกฎหมายการค้าสหรัฐ ที่ใช้ในยุคของทรัมป์เมื่อปี 2561 ส่วนการขึ้นภาษีใหม่กับสินค้านำเข้าจากจีนจะมุ่งเน้นไปที่อุตสาหกรรมที่มีความสำคัญในเชิงยุทธศาสตร์ในบางรายการ ซึ่งคาดว่าจะรวมถึง รถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) แบตเตอรี่ และแผงโซลาร์เซลล์
แหล่งข่าวคาดการณ์ว่าจะมีการเปิดเผยเรื่องนี้ในวันอังคารที่ 14 พ.ค. ตามเวลาในสหรัฐ แต่แม้ว่าจะยังมีโอกาสที่จะเลื่อนการแถลงเรื่องนี้ออกไป การทบทวนกำแพงภาษีของเดิมและการขึ้นภาษีใหม่กับสินค้าจีนก็ยังคงหนึ่งในประเด็นใหญ่ที่สุดเกี่ยวกับการแข่งขันทางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐกับจีนในยุคของไบเดน
รายงานข่าวนี้มีขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐกับจีน หลังจากที่สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ได้เปิดการสอบสวนอย่างเป็นทางการภายใต้มาตรา 301 กับอุตสาหกรรมการต่อเรือของจีน ขณะที่ไบเดนยังได้กล่าวหาเสียงเมื่อเดือนที่แล้วว่า ต้องการให้ USTR ขึ้นภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมนำเข้าจากจีนให้มากขึ้น
ก่อนหน้านี้ แคเทอรีน ไท่ ผู้แทนการค้าสหรัฐกล่าวว่า USTR ใกล้จะเสร็จสิ้นการทบทวนเรื่องกำแพงภาษีสินค้าจีนที่เริ่มพิจารณามาตั้งแต่ปลายปี 2565 แล้ว โดยรัฐบาลไบเดนพยายามหาทางออกให้กับสิ่งที่เป็นมรดกตกทอดมาตั้งแต่ยุคของทรัมป์ แต่ภายในรัฐบาลเองก็มีเสียงแตกไปหลายทาง หนึ่งในนั้นคือ เจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังและอดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่มองว่าการลดภาษีสินค้านำเข้าจากจีนจะช่วยบรรเทาปัญหาเงินเฟ้อในสหรัฐได้
ทางด้านกระทรวงต่างประเทศและกระทรวงพาณิชย์ของจีน ยังไม่ได้ตอบคำถามหรือแสดงความเห็นใดๆ เกี่ยวกับรายงานข่าวชิ้นนี้
อย่างไรก็ตาม รายงานระบุว่ากำแพงภาษีดังกล่าว อาจส่งผลกระทบเพียงแค่เล็กน้อยต่อบริษัทสัญชาติจีน เนื่องจากสินค้าหลักๆ ที่คาดว่าจะตกเป็นเป้าหมายนั้น ถูกตั้งภาษีในระดับสูงกันไปแล้ว เช่น รถยนต์ไฟฟ้านำเข้าจากจีน ที่ปัจจุบันเผชิญภาษีรถยนต์นำเข้าในอัตรา 27.5% ส่งผลให้กลุ่มรถยนต์อีวีราคาถูกจากจีนยังไม่สามารถเข้ามาบุกตลาดสหรัฐได้
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังต้องจับตามองอย่างใกล้ชิดถึงมาตรการรับมือสินค้าจีนและอัตราภาษีที่ยังอาจสูงขึ้นได้อีกหลังจากนี้