'เวียดนาม' ตั้ง 'พล.ต.อ.โต เลิม' เป็นประธานาธิบดีคนใหม่
รัฐบาลเวียดนามประกาศเมื่อวานนี้ (18 พ.ค.) ว่า พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามได้แต่งตั้งพลตำรวจเอกโต เลิม รัฐมนตรีกระทรวงตำรวจ ขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ พร้อมเสนอชื่อประธานรัฐสภาคนใหม่ ในการปรับเปลี่ยนผู้นำครั้งใหญ่
สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ถือเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์การเมืองของเวียดนาม ซึ่งเป็นประเทศที่มีพรรคการเมืองเดียวและขึ้นชื่อเรื่องเสถียรภาพทางการเมือง โดยในช่วงเวลาไม่ถึง 18 เดือนที่ผ่านมา มีประธานาธิบดี 2 คน และ ประธานรัฐสภา 1 คนได้ลาออกจากตำแหน่ง
โดยทั้งสามถูกกล่าวหาว่ามี "ความผิด" แต่ไม่ได้มีการเปิดเผยรายละเอียดชัดเจน การลาออกเหล่านี้เกิดขึ้นท่ามกลางการรณรงค์ปราบปรามการคอร์รัปชันครั้งใหญ่ ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบราชการและสร้างความกังวลให้กับนักลงทุนต่างชาติ
หลังได้รับการอนุมัติจากรัฐสภา ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในสัปดาห์หน้า พล.ต.อ.เลิม วัย 66 ปี จะเข้ามาแทนที่นายหวอ วัน เถือง ซึ่งลาออกไปเมื่อเดือนมี.ค.เนื่องจากถูกกล่าวหาว่าละเมิดกฎของพรรค หลังจากได้รับการแต่งตั้งเพียง 1 ปี
นายบู่ย วัน เกื่อง เลขาธิการรัฐสภา กล่าวว่า พล.ต.อ.เลิมจะยังคงดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงตำรวจต่อไป ควบคู่ไปกับตำแหน่งประธานาธิบดี
"โปลิตบูโรยังไม่ได้เสนอชื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะคนใหม่ ดังนั้น สมัชชาแห่งชาติจะไม่ลงมติถอดถอนตำแหน่งนี้ในการประชุมที่จะมีขึ้น" นายเกื่องกล่าวในการแถลงข่าวในวันนี้ (19 พ.ค.)
พล.ต.อ.เลิม ซึ่งถือเป็นบุคคลที่มีอำนาจมากที่สุดคนหนึ่งในเวียดนาม ได้รับเลือกจากคณะกรรมการกลางของพรรคเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ทางการและสื่อของรัฐเพิ่งเปิดเผยการเสนอชื่อเมื่อวานนี้
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีเวียดนามเป็นตำแหน่งที่มีบทบาทเชิงพิธีการเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็เป็นหนึ่งในสี่ตำแหน่งทางการเมืองสูงสุดของประเทศ โดยอีก 3 ตำแหน่ง ได้แก่ เลขาธิการพรรค นายกรัฐมนตรี และประธานรัฐสภา
ผู้สังเกตการณ์หลายรายมองว่า การแต่งตั้งพล.ต.อ.เลิมอาจเป็นการวางตำแหน่งให้เขาก้าวขึ้นเป็นเลขาธิการพรรคในอนาคต ซึ่งเป็นตำแหน่งสูงสุดของประเทศ เมื่อวาระปัจจุบันของตำแหน่งผู้นำสิ้นสุดในปี 2569 หรืออาจก่อนหน้านี้ หากนายเหงียน ฟู้ จ่อง เลขาธิการพรรคผู้สูงวัยคนปัจจุบัน ลาออกก่อนที่วาระที่ 3 ของเขาจะสิ้นสุดลง
พล.ต.อ.เลิม เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะมาตั้งแต่ปี 2559 และได้รับการยอมรับเข้าสู่โปลิตบูโรในปี 2564 นอกจากนี้ พล.ต.อ.เลิมยังเป็นรองหัวหน้าคณะกรรมการกำกับดูแลการต่อต้านการทุจริตของพรรคตั้งแต่ปี 2564 โดยมีบทบาทสำคัญในแคมเปญกวาดล้างการคอร์รัปชัน ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่และผู้บริหารระดับสูงของบริษัทหลายพันคนถูกดำเนินคดีหรือถูกบีบให้ออกจากตำแหน่ง
อย่างไรก็ตาม เส้นทางสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีของพล.ต.อ.เลิมไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะในปี 2564 พล.ต.อ.เลิมตกเป็นข่าวอื้อฉาว เมื่อนายนูสเรต โกเช เชฟชื่อดังชาวตุรกีที่รู้จักกันในนาม "ซอลต์เบ" (Salt Bae) ได้โพสต์วิดีโอที่เขาป้อนสเต๊กเลี่ยมทองให้พล.ต.อ.เลิม ที่ร้านอาหารในกรุงลอนดอนของซอลต์เบ ช่วงเดียวกับที่เวียดนามอยู่ภายใต้การล็อกดาวน์สกัดโควิด-19 วิดีโอดังกล่าวกลายเป็นกระแสไวรัล ก่อนที่เชฟชาวตุรกีจะลบออกไป
ต่อมา มีคนขายก๋วยเตี๋ยวในเวียดนามรายหนึ่งโพสต์วิดีโอเลียนแบบ "ซอลต์เบ" เพื่อล้อเลียนกรณีดังกล่าว แต่กลับถูกตัดสินจำคุก 5 ปีในข้อหา "โฆษณาชวนเชื่อต่อต้านรัฐ"
นอกจากนี้ พรรคได้แต่งตั้งนายเจิ่น ทัญ หมัน เป็นประธานสภาแห่งชาติคนใหม่ แทนเวือง ดิ่ญ เหว่ ที่เพิ่งลาออกไปเมื่อเดือนที่แล้วเนื่องจาก "การละเมิดและข้อบกพร่อง" โดยนายหมันวัย 61 ปี เคยดำรงตำแหน่งรองประธานรัฐสภาตั้งแต่ปี 2564
รัฐบาลเวียดนามกล่าวในแถลงการณ์ว่า การเสนอชื่อพล.ต.อ.เลิมและนายหมันได้รับ "การสนับสนุนอย่างกว้างขวาง" จากคณะกรรมการกลางของพรรค
การเสนอชื่อเกิดขึ้นหลังจากที่พรรคได้แต่งตั้งสมาชิกโปลิตบูโรใหม่ 4 คนเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (16 พ.ค.) หลังจากปลดเจือง ถิ มาย ผู้นำอันดับห้าของพรรคออกจากกลุ่ม ทำให้เธอเป็นคนที่ 6 ที่ออกจากโปลิตบูโรนับตั้งแต่ปลายปี 2565 ถือเป็นการลาออกครั้งใหญ่ในระดับผู้นำที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน