บิ๊กเทคลงทุน 'มาเลเซีย' อีกแล้ว งวดนี้ 'ไบต์แดนซ์' ทุ่มเงินเฉียด 8 หมื่นล้าน
บริษัทแม่ของติ๊กต๊อก 'ไบต์แดนซ์' จ่อลงทุนครั้งใหญ่ 'มาเลเซีย' 1 หมื่นล้านริงกิต ลุยปั้นฮับเอไอและขยายดาต้า เซ็นเตอร์ นับเป็นบิ๊กเทคระดับโลกรายล่าสุดที่ประกาศลงทุนใหญ่ในมาเลย์ตามหลัง Google และ Microsoft
เตงกู ซาฟรุล อาซิซ รัฐมนตรีการลงทุน การค้า และอุตสาหกรรมของมาเลเซีย เปิดเผยเมื่อวันที่ 7 มิ.ย.ว่า บริษัท "ไบต์แดนซ์" (ByteDance) จากจีนซึ่งเป็นบริษัทแม่ของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียชื่อดังอย่างติ๊กต๊อก (TikTok) วางแผนที่จะลงทุนประมาณ 1 หมื่นล้านริงกิตมาเลเซีย (ราว 7.8 หมื่นล้านบาท) เพื่อจัดตั้งศูนย์ปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ในมาเลเซีย
รมว.มาเลเซียกล่าวว่า ไบต์แดนซ์ จะขยายศูนย์ข้อมูลในรัฐยะโฮร์ของมาเลเซียด้วยการลงทุนเพิ่มเติมอีก 1.5 พันล้านริงกิต ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงการลงทุนดังกล่าว และถือเป็นบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกรายล่าสุดที่ขยายกิจการมายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
"การลงทุนที่เพิ่มขึ้นของไบต์แดนซ์จะช่วยให้มาเลเซียบรรลุเป้าหมายในการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลที่ระดับ 22.6% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของมาเลเซียภายในปี 2568 ได้อย่างไม่ต้องสงสัย" เตงกู ซาฟรุล ระบุบนแพลตฟอร์ม X
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า การประกาศดังกล่าวของไบต์แดนซ์มีขึ้น หลังจากที่บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่รายอื่น ๆ ได้เข้าลงทุนครั้งใหญ่ในมาเลเซียเช่นกันในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
บิ๊กเทคระดับโลกแห่ลงทุน 'มาเลเซีย'
เมื่อวันที่ 30 พ.ค. บริษัท กูเกิล อิงค์ (Google) ประกาศเตรียมลงทุนครั้งใหญ่มูลค่า 2,000 ล้านดอลลาร์ (กว่า 7.3 หมื่นล้านบาท) ในประเทศมาเลเซีย เพื่อลงทุนสร้าง "ดาต้าเซ็นเตอร์" และ "คลาวด์ รีเจียน" ขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศนี้ในรัฐสลังงอร์ รวมถึงสนับสนุนการฝึกอบรมบุคลากรในด้านเอไอ
รธู โพรัธ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน (CFO) ของบริษัท อัลฟาเบท อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิลระบุว่า การประกาศดังกล่าวนับเป็นมูลค่าการลงทุนที่สูงที่สุดของกูเกิลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ความเคลื่อนไหวครั้งนี้มีขึ้นในขณะที่บรรดาบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกต่างมุ่งหน้าการลงทุนมายังอาเซียน โดยซีอีโอของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ทั้ง ไมโครซอฟท์ คอร์ป (Microsoft) อินวิเดีย คอร์ป (Nvidia) และแอปเปิ้ล อิงค์ (Apple) เพิ่งเดินทางเยือนหลายประเทศในอาเซียน พร้อมประกาศแผนการลงทุนมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
ก่อนหน้านี้นายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม ได้ประกาศยุทธศาสตร์ใหญ่เพื่อมุ่งปั้นมาเลเซียเป็น "ศูนย์กลางผลิตชิประดับโลก" ด้วยการทุ่มเงินเฉียด 2 แสนล้านบาท เพื่อฝึกอบรมวิศวกรทักษะสูงจำนวน 60,000 คน พร้อมตั้งเป้าดึงดูดการลงทุนเกือบ 4 ล้านล้านบาทภายใน 10 ปี
ภายใต้ยุทธศาสตร์เซมิคอนดักเตอร์แห่งชาตินี้ รัฐบาลจะจัดสรรงบประมาณอย่างน้อย 25,000 ล้านริงกิต (ประมาณ 1.9 แสนล้านบาท) ในช่วง 5 ถึง 10 ปีข้างหน้า เพื่อส่งเสริมบุคลากร และพัฒนาบริษัทท้องถิ่น โดยเงินทุนจะมาจากกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติคาซานาห์ เนชั่นแนล
ปัจจุบันมาเลเซียเป็น "ฐานการผลิตชิป" ที่สำคัญในภูมิภาคอาเซียน และเป็นรายใหญ่ในด้านการประกอบชิป โดยครองสัดส่วนการประกอบชิปที่ 13% ของทั้งโลก และเป็นผู้ส่งออกเซมิคอนดักเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 6 ของโลก มีการลงทุนจากบริษัทชิปรายใหญ่ตั้งแต่ อินเทล (Intel) ไปจนถึง ฟ็อกซ์คอนน์ (Foxconn) ผู้ผลิตชิปยักษ์ใหญ่จากไต้หวัน