'มาเลเซีย' ยกเลิกอุดหนุนน้ำมันดีเซลวันนี้ เล็ง 'เบนซิน 95' เป็นรายการถัดไป
มาเลเซียยกเลิกอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลวันนี้ ปลดเปลื้องภาระรัฐอุ้มปีละเกือบ 3 หมื่นล้าน เตรียมยกเลิก ‘เบนซิน 95’ เป็นรายต่อไป เผยลักลอบขายน้ำมันให้ประเทศเพื่อนบ้านทำเสียหายปีละหลายพันล้านริงกิต
อามีร์ ฮัมซาห์ อาซิซาน รัฐมนตรีช่วยคลังของมาเลเซีย แถลงเมื่อวันที่ 9 มิ.ย.67 ว่า รัฐบาลจะยกเลิกมาตรการอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลแบบปูพรม โดยนับตั้งแต่วันจันทร์ที่ 10 มิ.ย.67 นี้เป็นต้นไป ราคาน้ำมันดีเซลขายปลีกหน้าปั๊มจะปรับขึ้นมาเป็นราคาตลาดที่ 3.35 ริงกิตต่อลิตร (ราว 26.21 บาท) ยกเว้นเพียงรัฐซาบาห์ ซาราวัก และเขตลาบวน ที่จะยังได้รับการอุดหนุนที่ราคาเดิม 2.15 ริงกิตต่อลิตร (ราว 16.83 บาท) ต่อไป
รัฐบาลประกาศด้วยว่าจะดำเนินการยกเลิกการอุดหนุน "น้ำมันเบนซิน RON95" แบบปูพรมเป็นรายการต่อไป โดยปัจจุบันเบนซิน RON95 เป็นน้ำมันเบนซินที่มีราคาถูกที่สุด และเป็นที่นิยมมากที่สุดในมาเลเซีย โดยนอกจากรัฐบาลจะต้องใช้งบประมาณอุดหนุนมหาศาลแล้ว ก็ยังมีปัญหาการลักลอบขนน้ำมันไปขายในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งสร้างความเสียหายเป็นมูลค่าหลายพันล้านริงกิตอีกด้วย
"มาเลเซียไม่อาจยอมสูญเสียเงินหลายพันล้านริงกิตจากการลักลอบขายน้ำมันออกนอกประเทศได้อีกต่อไป เราสามารถนำเงินส่วนนั้นไปใช้เพื่อประโยชน์ของชาวมาเลเซีย และพัฒนาประเทศของเราดีกว่า" อามีร์ กล่าว
อามีร์ กล่าวว่า การยกเลิกมาตรการอุดหนุนราคาดีเซลครั้งนี้คาดว่าจะช่วยรัฐบาลประหยัดได้ถึงราว 4 พันล้านริงกิตต่อปี (ราว 3.1 หมื่นล้านบาท) ขณะที่รัฐบาลใช้งบประมาณอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลในปี 2566 ไปถึง 1.43 หมื่นล้านริงกิต (ราว 1.12 แสนล้านบาท)
หลังจากที่ยกเลิกการอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลแบบปูพรมทั้งประเทศแล้ว รัฐบาลจะหันไปใช้มาตรการช่วยเหลือแบบกำหนดกลุ่มเป้าหมายแทน โดยจะแจกเงินให้กลุ่มเป้าหมายที่ใช้น้ำมันดีเซลกว่า 3 หมื่นราย เข้าบัญชีคนละ 200 ริงกิตต่อเดือน (ราว 1,500 บาท) เริ่มตั้งแต่วันที่ 10 มิ.ย.67 นี้ ในขณะที่กลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์บางประเภท เช่น ขนส่งสาธารณะ และประมง จะได้รับการช่วยเหลือภายใต้โครงการอุดหนุนเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย
ธนาคารกลางมาเลเซีย เคยคาดการณ์ว่า การยกเลิกมาตรการอุดหนุนทั้งดีเซล และเบนซิน 95 อาจทำให้อัตราเงินเฟ้อในประเทศขยายตัวแตะระดับสูงสุด 3.5% ในปีนี้ จากระดับต่ำกว่า 2% ในเดือนก.ย.2566
ขณะที่ก่อนหน้านี้ รัฐบาลนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม เคยประกาศเป้าหมายจะลดการขาดดุลงบประมาณปีนี้ลงให้เหลือ 4.3% จากเดิมที่ขาดดุล 5% ในปี 2566 ท่ามกลางแรงกดดันให้ทยอยยกเลิกมาตรการอุดหนุนแบบปูพรม โดยเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูปที่นักลงทุนจับตาอย่างใกล้ชิด
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์