คาดราคา ‘ทองคำ’ แตะ  3,000 ดอลลาร์ กังวลหนี้รัฐบาลทั่วโลกพุ่ง

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานอ้างถึงนักวิเคราะห์จากธนาคารแบงก์ออฟอเมริกา( BofA) คาดการณ์ว่า ราคา “ทองคำ” อาจพุ่งไปแตะ 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ภายใน 18 เดือน เนื่องจากความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับปัญหาหนี้สินของรัฐบาลทั่วโลกที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น

ในปีนี้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นประมาณ 12.9% ทำราคานิวไฮเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ระดับ 2,425 ดอลลาร์ต่อออนซ์ พร้อมกับดัชนี Nasdaq ที่พุ่งขึ้นจากแรงขับเคลื่อนของ Nvidia ถึง 19.4% และ S&P 500 เพิ่มขึ้น 15.8%

หลังจากที่ ธนาคารกลางจีน (PBOC) หยุดซื้อทองคำแท่งเข้าคลังสำรองเป็นครั้งแรกในรอบ 18 เดือน ทำให้ราคากลับมาทรงตัวซึ่งก่อนหน้านี้ถูกมองว่าเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น ทำให้หลายคนสงสัยว่าแนวโน้มราคาทองคำในอนาคตจะเป็นอย่างไร

‘3 ปัจจัย’ ดันราคาทอง

แม้ราคาทองคำจะทรงตัวหลังแตะจุดสูงสุดเมื่อเดือนที่แล้ว แต่บางนักวิเคราะห์มองว่าราคาทองคำยังมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น โดยแบงก์ออฟอเมริกาคาดการณ์ว่า ราคาทองคำอาจจะแตะ 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ภายใน 12 ถึง 18 เดือนข้างหน้า

ก่อนหน้านี้การคาดการณ์ราคาทองคำที่ 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ดูเป็นเรื่องห่างไกลตัว แต่ขณะนี้ราคาทองคำอยู่ที่ 2,327 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ห่างจากระดับ 3,000 ดอลลาร์ น้อยกว่า 30% เท่านั้น

นักลงทุนแห่ซื้อทองคำ

นักวิเคราะห์จากแบงก์ออฟอเมริกา วิเคราะห์ว่าความต้องการลงทุนในทองคำจะเป็นปัจจัยผลักดันราคาทองคำให้สูงขึ้น เนื่องจากข้อมูลสภาทองคำโลกบ่งชี้ว่าธนาคารกลางทั่วโลกกำลังเพิ่มสัดส่วนการถือครองทองคำในฐานะ “สินทรัพย์ทางการเงิน”มากขึ้น 

เฟดลดดอกเบี้ย

ราคาทองคำมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น เมื่อนักลงทุนในตลาดพัฒนาแล้วเริ่มซื้อทองคำมากขึ้น หากธนาคารกลางสหรัฐเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ย

กังวลหนี้รัฐบาลทั่วโลกพุ่ง

BofA กังวลเกี่ยวกับระดับหนี้สินที่สูงในหลายประเทศ โดยเฉพาะในเศรษฐกิจพัฒนาแล้ว ซึ่งสินเหล่านี้อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะเงินเฟ้อ หากธนาคารกลางจำเป็นต้องผ่อนคลายนโยบายการเงิน รวมทั้งภาวะเงินเฟ้ออาจส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจและความสามารถในการชำระหนี้ 

อย่างไรก็ตาม ตราบใดที่เราอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เสี่ยงต่อภาวะเงินเฟ้อ BofA มองว่าทองคำยังคงเป็น "การลงทุนที่ระมัดระวัง" ในช่วงเศรษบกิจปัจจุบัน