บริษัทรถอีวี ‘จีน’ หนุนอุตสาหกรรมนิกเกิล ‘อินโดนีเซีย’ ยืนหนึ่งโลก

บริษัทรถอีวี ‘จีน’ หนุนอุตสาหกรรมนิกเกิล ‘อินโดนีเซีย’ ยืนหนึ่งโลก

เหมืองนิกเกิล “อินโดนีเซีย“ เติบโตสูงขึ้น จนก้าวเป็นผู้นำการผลิตโลหะรายใหญ่ที่สุดในโลก เพราะได้รับแรงหนุนจากโรงงานแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าของจีน

เว็บไซต์ซีเอ็นบีซีรายงานว่า เหมืองนิกเกิลในอินโดนีเซียที่เปิดใช้งานอยู่ 14 แห่ง สามารถผลิตแร่นิกเกิลรวมกันมากกว่า 40% ของความต้องการนิกเกิลทั่วโลก ซึ่งมีความสำคัญในอุตสาหกรรมแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า (อีวี)

เจสัน ซัพปอร์ นักวิเคราะห์อาวุโสของ S&P Global Commodity Insights กล่าวว่า นิกเกิลเป็นสิ่งจำเป็นในการพัฒนาภาคการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า ที่ส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อมและเส้นทางสู่เศรษฐกิจสีเขียว รวมถึงบรรลุเป้าหมายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

อุตสหกรรมนิกเกิลในอินโดนีเซียเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งเชื่อมโยงกับความร่วมมืออินโดนีเซียกับจีน ในฐานะผู้ผลิตแบตเตอรี่อีวีรายใหญ่ที่สุดในโลก เนื่องจากการลงทุนของจีนได้ส่งเสริมความสามารถการขุดนิกเกิลท้องถิ่นในอินโดนีเซีย  หลังจากเมื่อปี 2565 อินโดนีเซียห้ามส่งออกนิกเกิลดิบไปนอกประเทศ

ถึงแม้อุตสาหกรรมนี้จะได้รับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ แต่ก็มีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอาจเพิ่มขึ้น รวมถึงมลพิษทางน้ำและการตัดไม้ทำลายป่าบริเวณใกล้เหมือง

รายงานระบุว่า การผลิตนิกเกิลที่เพิ่มขึ้นในอินโดนีเซียส่งผลให้อุปทานล้นตลาดและราคาลดลง ส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตในออสเตรเลีย และแคนาดา ทำให้บางบริษัทอย่าง Talon Metals วางแผนร่วมมือกับเทสลา ในส่งเสริมการรีไซเคิลแบตเตอรี่ เพื่อรับกับความต้องการรถอีวี และพลังงานหมุนเวียนทั่วโลกที่เพิ่มขึ้น

ขณะเดียวกัน สหรัฐกำลังเผชิญความท้าทายในการจัดหานิกเกิล เพราะอาศัยเหมืองนิกเกิลเพียงแห่งเดียวในรัฐมิชิแกน ซึ่งสามารถขุดแร่นิกเกิลได้ 17,000 เมตริกตันในปี 2566 ขณะที่อินโดนีเซียผลิตได้ 1.8 ล้านเมตริกตัน

อย่างไรก็ตาม บริษัท Talon Metals เร่งดำเนินการเปิดเหมืองนิกเกิลแห่งใหม่ในรัฐมินนิโซตา สหรัฐ หากแต่การเปิดใช้เหมืองแบบเต็มรูปแบบ อาจต้องใช้เวลาหลายทศวรรษ