แบงก์ชาติขึ้นดอกเบี้ย ทำคนอังกฤษ 'ยากจนลง' 3 แสนคน

แบงก์ชาติขึ้นดอกเบี้ย ทำคนอังกฤษ 'ยากจนลง' 3 แสนคน

งานวิจัยชี้ ผลพวงแบงก์ชาติขึ้นดอกเบี้ยสู่ระดับสูงสุดในรอบ 16 ปี ทำคนอังกฤษยากจนลงกว่า 320,000 คน 'สินเชื่อบ้าน' ส่งผลกระทบหนักที่สุด

สถาบันศึกษาด้านการคลัง (IFS) เปิดเผยผลการศึกษาล่าสุดว่า การปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) สู่ระดับสูงสุดในรอบ 16 ปี ส่งผลให้มีชาวอังกฤษมากกว่า 320,000 ต้องตกอยู่ในภาวะยากจน  

IFS เตือนว่า "มาตรวัดความจน" ที่เป็นของทางการนั้นประเมินผลกระทบต่ำเกินไป ในแง่ผลกระทบทางการเงินที่เกิดจากวัฎจักรการขึ้นดอกเบี้ยอย่างรุนแรงที่สุดในรอบหลายสิบปีของแบงก์ชาติ ซึ่งยังคงส่งผลกระทบในด้านสินเชื่อที่อยู่อาศัย

ในขณะที่การขึ้นดอกเบี้ยของแบงก์ชาติเพื่อต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อทำให้คนบางกลุ่ม เช่น ผู้ออมเงิน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยที่สูงขึ้น แต่ในกลุ่มครอบครัวคนทำงานที่เป็นหนี้เงินกู้บ้านกลับไม่เหลือสภาพคล่องมากพอที่จะช่วยดูดซับผลกระทบทางการเงินจากการขึ้นดอกเบี้ยได้  
 

แม้ว่าผู้ที่ตกอยู่ในภาวะยากจน 3.2 แสนราย จะยังถือว่าเป็นสัดส่วนที่น้อยเมื่อเทียบกับลูกหนี้เงินกู้บ้านที่มีอยู่ประมาณ 10 ล้านรายในอังกฤษ แต่ผลการวิเคราะห์จากแบงก์ชาติอังกฤษเมื่อเดือนที่แล้วบ่งชี้ไปในทิศทางเดียวกันว่า ลูกหนี้สินเชื่อบ้านกำลังเจอแรงกดดันทางการเงินมากขึ้น

ผลการศึกษาของ BOE ระบุว่า ยอดชำระหนี้บ้านรายเดือนจะเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยประมาณ 180 ปอนด์ (เกือบ 8,300 บาท) สำหรับผู้ถือสินเชื่อบ้านที่ต่ออายุสัญญาภายในสิ้นปี 2569 หรือเพิ่มขึ้นมากกว่า 25% และจะมีลูกหนี้สินเชื่อบ้านอีกถึงราว 4 แสนราย ที่จะต้องชำระยอดหนี้รวมเพิ่มขึ้น 50% หรือมากกว่านั้น   

ทั้งนี้ เกณฑ์วัดความยากจนอย่างเป็นทางการของอังกฤษนั้นระบุว่า ต้องเป็นครัวเรือนที่มีรายได้สุทธิหลังหักภาษีต่ำกว่า 60% ของรายได้ครัวเรือนโดยเฉลี่ยในปีงบประมาณ 2010/11 ที่หักเงินเฟ้อแล้ว  

"อัตราดอกเบี้ยเงินกู้บ้านที่สูงขึ้นส่งผลกระทบและมีแนวโน้มที่จะยังคงส่งผลอย่างมีนัยยะสำคัญต่อมาตรฐานการครองชีพของครัวเรือนจำนวนมาก" แซม เรย์ โชเดอรี นักเศรษฐศาสตร์ของ IFS กล่าว

"ในช่วงเวลาที่อัตราความยากไร้และความไม่มั่นคงทางอาหารเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก สถิติความยากจนของทางการซึ่งปกปิดขอบเขตที่แท้จริงของการเพิ่มขึ้นเหล่านี้ เสี่ยงที่จะทำให้ผู้กำหนดนโยบายมองข้ามสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นจริงๆ กับความยากจน"

IFS ยังระบุว่าแม้อัตราสินเชื่อเงินกู้บ้านจะชะลอตัวลงมาแล้วจากที่เคยพุ่งสูงสุดเมื่อช่วงหน้าร้อนปีก่อน แต่ก็ยังคงเป็นภาระหนักสำหรับหลายครัวเรือนและค่อยๆ กลับมาเพิ่มสูงอีกครั้งหลังจากเดือน ม.ค. เป็นต้นมา เมื่อแบงก์ชาติชะลอแผนการเริ่มลดดอกเบี้ยออกไปก่อน ส่งผลให้ดอกเบี้ยเงินกู้บ้านคงที่ 2 ปี เพิ่มขึ้นจากอัตรา 5.5% ในเดือน ม.ค. ไปเป็นอัตรา 5.79% ในปัจจุบัน  

นอกจากนี้ หน่วยงานดังกล่าวยังระบุถึงสถิติความยากจนอย่างเป็นทางการว่า อาจจะ "ประเมินต่ำเกินไป" ถึงผลกระทบที่ไม่สมดุลของราคาพลังงานและอาหารที่สูงขึ้น ซึ่งมีต่อผู้รับบำนาญและครัวเรือนที่มีรายได้น้อย และยังระบุเพิ่มเติมว่าข้อมูลดังกล่าวประเมินผลกระทบของการชำระดอกเบี้ยเงินกู้บ้านที่สูงขึ้นอย่างไม่ถูกต้องอีกด้วย