ธุรกิจเทคฯ‘ออสเตรเลีย’ร่วม Techsauce หนุน ‘เศรษฐกิจดิจิทัล’ ไทย-อาเซียน

ธุรกิจเทคฯ‘ออสเตรเลีย’ร่วม Techsauce หนุน ‘เศรษฐกิจดิจิทัล’ ไทย-อาเซียน

"ออสเตรเลีย" พาธุรกิจเทคโนโลยี โดยเฉพาะธุรกิจด้านดิจิทัล เข้าร่วมงาน TechsauceGlobal Summit 2024 เป็นครั้งแรก หวังส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างไทย-ออสเตรเลียมากขึ้น และหนุนเศรษฐกิจดิจิทัลไทยโตตามเป้า

เป็นที่ทราบกันดีว่า งาน TechsauceGlobal Summit 2024 ที่จัดขึ้นระหว่าง 7-9 ส.ค. เป็นงานที่รวมบิ๊กเทคและสตาร์ตอัปหลายสาขาไว้ด้วยกัน ซึ่งบางบริษัทเคยมาร่วมงานแล้ว และประสบความสำเร็จได้พาร์ตเนอร์ร่วมธุรกิจมากมาย ขณะที่บางบริษัทเพิ่งเคยมาครั้งแรกในปีนี้ เพื่อหาพาร์ตเนอร์ไทยและทำความเข้าใจตลาดไทยมากขึ้น

ออสเตรเลีย หนึ่งในประเทศที่มีแผนขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลเช่นเดียวกับไทย คว้าโอกาสจากเทคซอส พาธุรกิจเทคโนโลยีมาร่วมงานครั้งแรกในปีนี้มากถึง 18 บริษัท

ดร.แองเจลา แมคโดนัลด์เอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย เผยถึงจุดประสงค์ของการเข้าร่วมงานเทคซอสว่า หลังจากเปิดเผย "รายงานยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สู่ปี 2583" ออสเตรเลียจึงมีความตระหนักว่า ต้องทำอะไรมากขึ้น เพื่อให้ธุรกิจเข้ามาลงทุน ทำการค้า และมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

งาน Techsauce ในกรุงเทพฯ ปีนี้ สถานเอกอัตรราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย และสำนักงานการพาณิชย์และการลงทุนออสเตรเลีย (ออสเทรด) ได้พาธุรกิจด้านเทคโนโลยีดิจิทัลออสเตรเลียเข้าร่วมงาน เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์และโซลูชัน จับคู่กับธุรกิจไทย และวางแผนธุรกิจในอนาคตร่วมกัน

แมคโดนัลด์ กล่าวว่า

"ไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพน่าลงทุน เนื่องจากมีประชาชนเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่ระดับ 88% และมีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงมาก โดยเฉพาะกรุงเทพฯ เมืองหลวงที่ขับเคลื่อนระบบนิเวศเพื่อผลิตภัณฑ์ดิจิทัลและเทคโนโลยีต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี" 

เอกอัครราชทูตฯเสริมว่า ขณะเดียวกันออสเตรเลียและไทยมีความสัมพันธ์อันเหนียวแน่นมาอย่างยาวนาน มีการแลกเปลี่ยนด้านการศึกษา ด้านวัฒนธรรมอาหาร การท่องเที่ยว และมีความร่วมมือหลายอย่าง ปัจจัยเหล่านี้เป็นศักยภาพที่ตนอยากนำเสนอกับบริษัทออสเตรเลีย ให้เข้ามาเป็นพาร์ตเนอร์กับไทย และประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค

สำหรับเศรษฐกิจดิจิทัลออสเตรเลีย ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการบริการประชาชน โดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย เช่น เทคโนโลยีด้านทรัพยากรบุคคล การแพทย์ และสุขภาพ แมคโดนัลด์คาดว่า ภาคธุรกิจเทคฯ เหล่านี้อาจเป็นพาร์ตเนอร์ที่ภาคธุรกิจไทยต้องการ อย่างธุรกิจเทคโนโลยีสุขภาพ อาจช่วยหนุนไทยเป็นผู้นำด้านการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ได้

ด้านเซเวียร์ ซีโมเนต์ ประธานบริหารออสเทรด เผยว่า ธุรกิจ 18 ราย ที่เข้าร่วมมีทั้งสตาร์ตอัปและบิ๊กเทค บางบริษัทมีพาร์ตเนอร์ในไทยแล้ว แต่บางบริษัทเป็นหน้าใหม่มาหาพาร์ตเนอร์ในไทยเป็นครั้งแรก

ซีโมเนต์มองว่า ไทยเป็นประเทศที่มีระบบนิเวศดิจิทัลที่แข็งแกร่ง คนไทย 76% เล่นโซเชียลมีเดีย และไทยมีสตาร์ตอัปราว 13,000 บริษัท อีกทั้งรัฐบาลมีเป้าหมายยิ่งใหญ่ที่ต้องการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลเติบโตเป็นสัดส่วน 25% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ภายในปี 2571 ปัจจัยเหล่านี้ถือเป็นโอาสที่ดีต่อการทำธุรกิจร่วมกันระหว่างไทยและออสเตรเลีย และเพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลไทยให้เติบโต

"นอกจากเรานำเสนอธุรกิจเทคออสเตรเลียแล้ว เรายังมาสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับกรอบการค้าให้กับรัฐบาล และได้จัดประชุมเพื่อให้นักธุรกิจระหว่างสองประเทศได้แลกเปลี่ยนความต้องการทางธุรกิจมากขึ้น" ประธานออสเทรด กล่าว

เสียงจากนักธุรกิจออสซี่

โจ เนชัน ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิค “อิมมิเนนต์ลี”(Imminently) เผยว่า ตนมาประเทศไทยเพื่อทำธุรกิจเป็นครั้งที่สองแล้ว ชื่นชอบคนไทยที่เป็นมิตร และไทยเป็นประเทศที่น่าทำธุรกิจร่วมด้วย แต่บริษัทยังไม่มีพาร์ตเนอร์ไทย การมาร่วมงานครั้งนี้ เพื่อมาหาพาร์ตเนอร์ และทำความเข้าใจเกี่ยวกับตลาดไทยมากขึ้น

“การร่วมธุรกิจกันมากกว่าหนึ่งบริษัท ย่อมเกิดผลดีมากกว่า และเราต้องการเข้าใจตลาดไทยเพื่อร่วมกันสร้างอะไรที่แตกต่างไปจากเดิม” เนชัน กล่าว

อิมมิเนนต์ลี เป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยีช่วยกำกับ ควบคุม และดูแลระบบหลังบ้านของแต่ละบริษัท รวมถึงระบบงานภาครัฐ ให้มีความซับซ้อนน้อยลง โดยใช้เอไอช่วย

ด้านสตีฟ โซแลนกี ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) อินทูชัน ซอฟต์เทค (Intuition SofTech) บริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์เต็มรูปแบบ กล่าวว่า ตนมีพาร์ตเนอร์ในไทยแล้ว และการเข้าร่วมงานครั้งนี้ ตนอยากร่วมธุรกิจกับพาร์ตเนอร์รายอื่นๆมากขึ้น และหวังว่าธุรกิจไทยจะเปิดใจร่วมทำงานกับชาวต่างชาติ เพื่อพัฒนาธุรกิจเติบโตไปด้วยกัน

“ธุรกิจออสเตรเลียเปิดรับโอกาสใหม่ๆ เสมอ” โซแลนกี กล่าว