ญี่ปุ่นชูโครงการ Craft x Tech ยกระดับงานฝีมือดั้งเดิมสู่ความเป็นไปได้ใหม่
ในยุคที่โลกหมุนด้วยความเร็วของเทคโนโลยี เราอาจลืมเลือนคุณค่าของงานฝีมือที่สืบทอดกันหลายชั่วอายุคน แต่ที่ญี่ปุ่น โครงการ Craft x Tech กำลังเขียนบทใหม่ให้กับประวัติศาสตร์งานหัตถกรรม ผสมผสานสิ่งที่ดีที่สุดของทั้งสองโลกเข้าด้วยกัน
โปรเจค Craft x Tech ในภูมิภาคโทโฮคุของญี่ปุ่นได้ฟื้นฟูงานฝีมือดั้งเดิมให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
โทโฮคุ ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ มีประวัติศาสตร์อันยาวนานด้านหัตถกรรม ครอบคลุมตั้งแต่เครื่องปั้นดินเผาชื่อดัง ผ้าทอละเอียดประณีต ไปจนถึงงานโลหะที่แข็งแกร่ง แต่ละจังหวัดในโทโฮคุมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สะท้อนถึงวิถีชีวิต ความเชื่อ และจิตวิญญาณของชุมชนท้องถิ่นผ่านผลิตภัณฑ์ที่งดงามและทรงคุณค่า
โครงการนี้ได้นำนักออกแบบชั้นนำระดับโลกมาร่วมงานกับช่างฝีมือท้องถิ่น ผลลัพธ์ที่ได้คือการสร้างสรรค์ชิ้นงานที่ผสมผสานความงามแบบดั้งเดิมเข้ากับฟังก์ชันที่ทันสมัย ตัวอย่างที่น่าทึ่ง เช่น
โยชิโมโตะร่วมกับช่างปั้นเครื่องเคลือบไอสึ-ฮงโกะยากิ (Aizu-Hongoyaki pottery) สร้างสรรค์ผลงานที่ผสานความงามแบบดั้งเดิมเข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยนำเทคโนโลยี LED มาประยุกต์ใช้กับเครื่องปั้นดินเผาโบราณ ผลลัพธ์คือโคมไฟที่มีทั้งความงดงามแบบคลาสสิกและประสิทธิภาพการให้แสงสว่างที่ช่วยสร้างอารมณ์ร่วมสมัย
ชื่อผลงาน: Rain โดย Aizu Hongo Yaki x Hideki Yoshimoto
ศิลปินโยอิจิ โอจิไอ นำเสนอมุมมองใหม่ของผ้าทอโออิตามะ-สึมุกิ (Oitama-Tsumugi) ในบริบทสถาปัตยกรรม โดยใช้เทคโนโลยีการฉายภาพขั้นสูงสร้างงานติดตั้งแบบมีปฏิสัมพันธ์ ทำให้ผู้ชมสามารถสัมผัสและเชื่อมโยงกับลวดลายผ้าทอโบราณในรูปแบบที่ทันสมัยและน่าตื่นตาตื่นใจ
ห้องชายุคใหม่โดย Oitama Tsumugi x Yoichi Ochiai
ไมเคิล ยัง นักออกแบบผลิตภัณฑ์ชาวอังกฤษ ร่วมมือกับช่างฝีมือจากจังหวัดอิวาเตะสร้างสรรค์งานเหล็กหล่อนัมบุ เท็กกิ (Nambu tekki) รูปแบบใหม่ โดยผสานเทคนิคการหล่อเหล็กแบบโบราณเข้ากับการออกแบบร่วมสมัย ผลงานที่ได้คือเฟอร์นิเจอร์แบบโมดูลาร์ที่สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบได้ตามความต้องการของผู้ใช้
ชื่อผลงาน: Blossom Links โดย Nambu Tekki x Michael Young
Sabine Marcelis ศิลปินชาวเนเธอร์แลนด์ ร่วมมือกับช่างฝีมือลงรักคาวัตสึระ (Kawatsura lacquerware) สร้างสรรค์ผลงานที่ผสมผสานความเรียบง่ายกับความซับซ้อนได้อย่างลงตัว โดยใช้เทคนิคการลงรักหลายชั้นแบบดั้งเดิมเพื่อสร้างสีสันที่ลึกล้ำและความเงางามแบบแก้ว ผลิตภัณฑ์ที่ออกมาจึงมีรูปลักษณ์เรียบง่ายแต่แฝงไว้ด้วยความประณีตและเทคนิคชั้นสูง
Craft x Tech คาดหวังให้เกิดผลกระทบเชิงบวกกับทั้งวงการศิลปะ การออกแบบ และระบบเศรษฐกิจภาพรวมของญี่ปุ่น ต่อยอดจากปัจจุบันที่อุตสาหกรรมงานฝีมือของญี่ปุ่นสามารถสร้างมูลค่าได้สูงถึง 2 แสนล้านเยน และจ้างงานช่างฝีมือหลายหมื่นคนทั่วประเทศ ที่น่าสนใจไปกว่านั้นคือ
การที่ Craft x Tech สามารถตอบโจทย์กระแสความยั่งยืนที่กำลังเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคทั่วโลก ผลสำรวจล่าสุดชี้ให้เห็นว่า 80% ของผู้บริโภคทั่วโลกพร้อมที่จะจ่ายเงินเพิ่มขึ้นเพื่อสินค้าที่ผลิตอย่างยั่งยืน และนี่คือจุดแข็งของงานฝีมือดั้งเดิมจากโทโฮคุ
โครงการดังกล่าว สามารถเป็นแรงบันดาลใจสำหรับไทยในการพัฒนางานศิลปหัตถกรรม แม้ว่าไทยจะยังไม่มีโครงการในลักษณะเดียวกัน แต่ก็มีความพยายามในการส่งเสริมงานสู่ระดับสากล วิสัยทัศน์เพื่ออนาคตของงานฝีมือไทยจึงจำเป็นต้องเติมชีวิตใหม่ให้กับมรดกทางวัฒนธรรม โดยผสานเข้ากับเทคโนโลยีและความต้องการร่วมสมัย การสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการเติบโตอย่างยั่งยืนเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งควรดำเนินการผ่านการสนับสนุนด้าน R&D การยกระดับมาตรฐานการผลิต และการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา
นอกจากนี้ ควรพัฒนาหลักสูตรที่บูรณาการความรู้ดั้งเดิมกับนวัตกรรมเพื่อผลิตกำลังคนรุ่นใหม่ ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างนักออกแบบระดับโลกกับช่างฝีมือท้องถิ่นเพื่อสร้างผลงานร่วมสมัยที่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ และสร้างแพลตฟอร์มดิจิทัลที่เชื่อมโยงช่างฝีมือกับตลาดโลก
ด้วยแนวทางที่ครอบคลุมและบูรณาการเช่นนี้ เราสามารถคาดหวังได้ว่างานศิลปหัตถกรรมไทยจะไม่เพียงได้รับการอนุรักษ์ แต่จะเติบโตและมีอิทธิพลในระดับสากล สร้างความภาคภูมิใจให้กับคนไทยและขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน