'เชลล์' จ่อเลย์ออฟอีก 20% ฝ่ายสำรวจน้ำมันและก๊าซ หวังลดต้นทุน-มุ่งทำกำไร

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานอ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องว่า บริษัทเชลล์ (Shell) เตรียมเลิกจ้างพนักงานมากถึงราว 20% ในฝ่ายสำรวจและพัฒนาน้ำมันและก๊าซ ซึ่งจะนับเป็นการเลย์ออฟรอบล่าสุดของบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่รายนี้ หลังจากที่ทยอยเลิกจ้างในส่วนของพลังงานทดแทนและธุรกิจคาร์บอนต่ำไปแล้วก่อนหน้านี้

แหล่งข่าวระบุว่า การปรับโครงสร้างในหน่วยสำรวจและพัฒนาแหล่งน้ำมันและก๊าซ รวมถึงหน่วยใต้ผิวดิน จะส่งผลให้มีการ "ปรับลดพนักงานจำนวนหลายร้อยตำแหน่งทั่วโลก" และจะมีผลกระทบโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่สำนักงานของเชลล์ในอังกฤษและเนเธอร์แลนด์

อย่างไรก็ตาม แผนการนี้ยังต้องผ่านการปรึกษาหารือกับองค์กรที่เป็นตัวแทนของพนักงานก่อน
 

รายงานระบุว่า วาเอล ซาวัน ซีอีโอของเชลล์ พยายามที่จะลดต้นทุนในฝ่ายดังกล่าวที่มีความสามารถในการทำกำไรสูง หลังจากที่ปรับลดต้นทุนลงไปแล้วอย่างมากในธุรกิจพลังงานทดแทนและธุรกิจคาร์บอนต่ำมาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2566 

ทั้งนี้ ฝ่ายการผลิตน้ำมันและก๊าซของเชลล์ซึ่งถือเป็นธุรกิจต้นน้ำ (upstream) ซึ่งรวมถึงหน่วยสำรวจและพัฒนาบ่อน้ำมันและก๊าซนั้น มีสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 3 ของผลกำไรที่ปรับแล้วของบริษัท ซึ่งอยู่ที่ 2.825 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2566

"เชลล์มุ่งสร้างมูลค่าเพิ่มขึ้น พร้อมกับลดการปล่อยก๊าซ โดยมุ่งเน้นที่ผลการดำเนินงาน วินัย และการทำให้ธุรกิจคล่องตัวขึ้น ซึ่งรวมถึงการลดต้นทุนการดำเนินงานเชิงโครงสร้างลง 2-3 พันล้านดอลลาร์ภายในสิ้นปี 2568" แถลงการณ์ของเชลล์ระบุ

ซาวัน ซึ่งเข้ามารับตำแหน่งซีอีโอของเชลล์ในเดือนม.ค. 2566 ได้ให้คำมั่นว่า จะปรับปรุงผลการดำเนินงานของเชลล์ เพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไร และลดส่วนต่างมูลค่าหุ้นของเชลล์ซึ่งอยู่ต่ำกว่ามากเมื่อเปรียบเทียบกับบริษัทคู่แข่งที่ใหญ่กว่าของสหรัฐ