ถอดรหัสดีเบตแฮร์ริส - ทรัมป์ ผลกระทบตลาดหุ้นสหรัฐ
การประชันวิสัยทัศน์ (ดีเบต) ระหว่างรองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส กับอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน ในวันที่ 10 ก.ย.67 กล่าวได้ว่า เป็นเหตุการณ์สำคัญที่สุดก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐที่กำลังมาถึงในสองเดือนข้างหน้า
สำหรับวอลล์สตรีทการเผชิญหน้ากันครั้งนี้อาจเป็นอีกหนึ่งความผันผวน ในช่วงเวลาที่นักลงทุนขวัญผวาจากความไม่แน่นอนไปเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของตลาดแรงงาน อัตราดอกเบี้ย และภูมิรัฐศาสตร์
ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่งเจอสัปดาห์เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2566 เมื่อข้อมูลการจ้างงานสหรัฐน่าผิดหวังอีกครั้ง ปลุกความกังวลเรื่องเศรษฐกิจชะลอตัวก่อนรีบาวด์ในวันจันทร์ (9 ก.ย.67)
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรวบรวมนโยบายที่นักลงทุนต้องติดตามหลังการดีเบตไม่ว่าจะเป็นภาษี การค้า ภาษีศุลกากร และการเข้าเมือง
เริ่มต้นจากนโยบายภาษี ทรัมป์ กล่าวว่า จะลดภาษีบริษัทลงจาก 21% ในปัจจุบันมาอยู่ที่ 15% ให้คำมั่นทำกฎหมายภาษีฉบับปี 2017 มาใช้งานถาวร และเรียกร้องนำประเด็นสำคัญของร่างมาใช้อีกครั้ง ขณะที่แฮร์ริสผลักดันขึ้นกฎหมายบริษัทมาอยู่ที่ 28% คงภาษีสำหรับผู้ที่มีรายได้ไม่ถึง 400,000 ดอลลาร์ และขึ้นภาษีสำหรับคนที่มีรายได้สูงกว่า
ด้านการค้า และภาษีศุลกากรทรัมป์บอกว่าจะเก็บภาษีศุลกากรราว 10% สินค้าจีนเก็บแพงขึ้นอีกส่วนแฮร์ริสแม้หลายเดือนก่อนไบเดนเผยแผนขึ้นภาษีครั้งใหญ่จากสินค้าจีนหลากชนิด อาทิ เซมิคอนดักเตอร์ แบตเตอรี่ โซลาร์เซลล์ แร่ธาตุสำคัญ เหล็ก อะลูมิเนียม และรถยนต์ไฟฟ้า แต่แฮร์ริส หาเสียงว่า แม้เธอไม่ผ่อนปรนให้กับจีน แต่ก็ไม่เห็นประโยชน์ของความแตกแยกระหว่างสองเขตเศรษฐกิจใหญ่สุดของโลก
เหล่านักเศรษฐศาสตร์จากโกลด์แมน แซคส์ เคยกล่าวว่า ถ้าทรัมป์ชนะเลือกตั้ง น่าจะรีบขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ และสินค้าจากจีน อัตราภาษีเพิ่มขึ้นทันที 3-4% เงินเฟ้อพีซีอี (ดัชนีราคาการบริโภคส่วนบุคคล) สูงสุด เพิ่มขึ้น 0.3-0.4%
นโยบายการเข้าเมือง ทรัมป์จะเนรเทศผู้ลักลอบเข้าเมืองทันที ส่วนแฮร์ริสสนับสนุนการทำข้อตกลงด้านการเข้าเมือง ซึ่งรวมถึงการก่อสร้างกำแพงกั้นพรมแดนเพิ่มเติม ระหว่างนี้พรรคเดโมแครตระงับคำขอย้ายถิ่นบางส่วน
นักยุทธศาสตร์จากเจพี มอร์แกนเชส กล่าวว่า ความพยายามควบคุมการเข้าเมืองอาจทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้น ถ้าทำให้เกิดการขาดแคลนแรงงานครั้งใหญ่ซึ่งจะจำกัดการเติบโตทางเศรษฐกิจ
- ข้อมูลปีเลือกตั้งบอกอะไรได้บ้าง
โดยทั่วไปปีที่มีการเลือกตั้งมักส่งผลดีต่อตลาดหุ้นสหรัฐ ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ขึ้นเกือบทุกปีที่มีการเลือกตั้งนับตั้งแต่ปี 1960 ยกเว้นปี 2000 และ 2008 ซึ่งเกิดฟองสบู่ดอตคอม และวิกฤติการเงินครั้งใหญ่ตามลำดับ หลังจากนั้นแนวโน้มดีขึ้น ปีเลือกตั้งสามปีหลังจากนั้นคือปี 2012, 2016, และ 2020 ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 10%
หากมองในมุมที่แคบลงเน้นเฉพาะเจ็ดเดือนสุดท้ายของปีที่มีการเลือกตั้งก็ได้ภาพคล้ายคลึงกัน ตั้งแต่ปี 1950 การเลือกตั้งประธานาธิบดี 18 ครั้ง มี 16 ครั้งที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้นในกรอบเวลาดังกล่าว มีปี 2000 ปีเดียวที่ดัชนีลดลง เมื่อผลการเลือกตั้งต้องล่าช้าไปถึง 36 วัน
- พนักงานบิ๊กเทคหนุนแฮร์ริสท่วมท้น
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงาน ข้อมูลจากองค์กรจับตาการเมือง OpenSecrets ที่รวบรวมการบริจาคเงินของพนักงานบริษัท เจ้าของกิจการ สมาชิกในครอบครัวของคนงาน และเจ้าของ พบว่า พนักงานบริษัทอัลฟาเบต, อเมซอน และไมโครซอฟท์ บริจาคเงินหลายล้านดอลลาร์ให้กับการหาเสียงของแฮร์ริสมากกว่าอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับพนักงานที่บริจาคให้ทรัมป์
ขณะที่อภิมหาเศรษฐีเทคโนโลยีอย่างอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเทสลา, มาร์ค แอนดรีสเซน และเบน โฮโรวิตซ์ ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทร่วมลงทุนแอนดรีสเซน โฮโรวิตซ์ สนับสนุนทรัมป์ เนื่องจากจุดยืนของอดีตประธานาธิบดีในด้านเศรษฐกิจ ภาษี และธุรกิจขนาดใหญ่
การเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 5 พ.ย.67 ได้สร้างความแตกแยกให้กับซิลิคอนวัลเลย์ ภาคส่วนที่ครั้งหนึ่งเคยสนับสนุนประชาธิปไตย และเสรีนิยมอย่างแข็งแกร่ง รีด ฮอฟฟ์แมน นักธุรกิจร่วมทุนจากเกรย์ล็อก และผู้ประกอบการนาม มาร์ค คิวบัน ให้คำมั่นสนับสนุนแฮร์ริส ด้วยอยากให้พนักงานมีสิทธิในการทำแท้งมากขึ้น และชอบนโยบายสนับสนุนเทคโนโลยีของเธอ
แต่ช่วงที่ไม่กี่ปีที่ผ่านมาผู้นำภาคเทคโนโลยีหลายราย ไม่พอใจนโยบายธุรกิจของประธานาธิบดีโจ ไบเดน เช่น การไม่สนับสนุนการควบรวม และเข้าซื้อกิจการ รวมถึงการเข้มงวดกับการไหลของข้อมูลส่วนตัว
ทั้งนี้ ตามกฎหมายการเงินในการหาเสียง บริษัทไม่สามารถบริจาคเงินให้กับการหาเสียงเลือกตั้งในตำแหน่งของรัฐบาลกลางอย่างประธานาธิบดีได้ บ่อยครั้งที่บริษัทบริจาคให้กับการหาเสียงสมาชิกสภาคองเกรสหรือตำแหน่งระดับรัฐผ่านคณะกรรมการปฏิบัติการทางการเมือง ซึ่งได้เงินมาจากการบริจาคของพนักงาน และจำกัดปริมาณเงินที่ผู้สมัครสามารถรับได้
- ทีมทรัมป์เคาะประตูบ้าน
รอยเตอร์สัมภาษณ์เจ้าหน้าที่ทีมหาเสียงทรัมป์ กลุ่มชาวบ้านที่ช่วยหาเสียง ประธานพรรครีพับลิกันประจำเขต ผู้บริจาค และผู้ที่เคยบริจาครวม 36 คน พบว่า ทีมหาเสียงทรัมป์กำลังมุ่งเน้นกับคนที่ไม่ค่อยออกไปใช้สิทธิในเจ็ดรัฐสมรภูมิที่ไม่ใช่ฐานเสียงพรรคใด ซึ่งกลุ่มนี้จะเป็นผู้ตัดสินชัยชนะในวันที่ 5 พ.ย.67
เดือนก่อนอาสาสมัครช่วยหาเสียงให้ทรัมป์สวมเสื้อแดงเขียนคำว่า “กัปตันกองกำลังทรัมป์” เดินเคาะประตูบ้านในเมืองยอร์ก รัฐเพนซิลเวเนีย
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่พรรครีพับลิกันคนหนึ่ง และผู้เชี่ยวชาญด้านวิชาการอีกคนหนึ่งเตือนว่าวิธีนี้ซึ่งเป็นกลยุทธ์ความเสี่ยงสูง ใช้แรงงานเข้มข้น อาจทำให้ได้โหวตเตอร์หน้าใหม่ก็จริง แต่อาจสูญเปล่าถ้าสุดท้ายแล้วกลุ่มเป้าหมายเลือกที่จะอยู่บ้าน
โดยปกติในการขยายฐานเสียงของตน ผู้สมัครมักพุ่งเป้าผู้ที่ไม่ค่อยออกไปเลือกตั้ง และผู้มีสิทธิที่ไม่ใช่แฟนคลับพรรคใด แต่ทรัมป์มองว่า ผู้ไม่ค่อยออกไปเลือกตั้งมีความสำคัญ คนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่อยู่ในชนบท เป็นคนขาว อายุน้อย แต่ก็มีคนผิวสีจำนวนหนึ่งด้วย
“เรารู้ว่าพวกเขาเห็นด้วยกับเรา เรารู้ว่าพวกเขาชอบเรา แต่เราต้องทำให้เขาออกไปใช้สิทธิ” เจมส์ แบลร์ ผู้อำนวยการฝ่ายการเมืองทีมหาเสียงทรัมป์กล่าวกับรอยเตอร์
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์