‘ริฮันน่า เจย์-ซี’ ตัวพ่อ ตัวแม่วงการ ทำธุรกิจรวยพันล้าน จนลืมว่าเป็นนักร้อง!

‘ริฮันน่า เจย์-ซี’ ตัวพ่อ ตัวแม่วงการ  ทำธุรกิจรวยพันล้าน จนลืมว่าเป็นนักร้อง!

‘ริฮันน่า เจย์-ซี’ และ ’เซเลนา โกเมซ‘ ขึ้นทำเนียบเซเลบระดับตัวพ่อ-ตัวแม่วงการ ทำธุรกิจและสร้างแบรนด์ รวยฉ่ำระดับพันล้านดอลลาร์ จนลืมโฟกัสการเป็นนักร้อง!

แม้วงการบันเทิงจะเต็มไปด้วยดาราเซเลบริตี้ แต่ความจริงแล้วมีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่ง “อภิมหาเศรษฐี” แต่ทว่าความรวยที่เหล่าคนดังได้ไม่ได้ได้มาจากความโด่งดังและต่างจาก Elon Musk, Bill Gates และ Jeff Bezos ที่สร้างอาณาจักรธุรกิจมั่นคง แต่มาจากการลงทุนที่ชาญฉลาดและการเป็นเจ้าของ “ธุรกิจ” จนแทบไม่เห็นผลงานเพลงใหม่ๆ หรือการทัวร์คอนเสิร์ตแล้ว

วันนี้ กรุงเทพธุรกิจ พามาเปิดทำเนียบ มีดารา-นักแสดงระดับโลกคนไหนบ้างที่รวยระดับ “พันล้านดอลลาร์” จากการทำธุรกิจ สร้างแบรนด์ จนลืมโฟกัสและผลิตผลงานเพลงให้แฟนๆ ได้ชม

จากเวทีสู่วงการธุรกิจ 

“เจย์-ซี” เจ้าพ่อฮิปฮอป อายุ 54 ปี  รวย 2,500  ล้านดอลลาร์ 

“เจย์-ซี” แร็ปเปอร์จาก รายการ “Empire State of Mind”กลายเป็นมหาเศรษฐีสายฮิปฮอปคนแรกในปี 2562 จากการลงทุนและธุรกิจต่างๆ มากมาย รวมถึงเปิดค่ายเพลง Roc-a-Fella Records, แบรนด์เสื้อผ้า Rocawear, เปิดธุรกิจในเครือบาร์หรูหรา 40/40 Club และธุรกิจบริษัทบันเทิง Roc Nation

พร้อมกับถือหุ้นในบริษัทเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน Uber และผู้ให้บริการชำระเงินออนไลน์ Block

“คิม คาร์ดาเชี่ยน” เจ้าแม่แฟชันจากบ้านคาร์ดาเชี่ยน อายุ 43 ปี ที่รวย  1,700 ล้านดอลลาร์

“คิม คาร์ดาเชียน” โดดเด่นในฐานะนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในการแปลงชื่อเสียงจากรายการเรียลลิตี้ทีวีให้กลายเป็นอาณาจักรธุรกิจที่มีมูลค่ามหาศาล จนทำให้เธอก้าวขึ้นสู่สถานะมหาเศรษฐี โดยแหล่งรายได้หลักของเธอมาจากธุรกิจแบรนด์ความงามและเสื้อผ้า

แบรนด์ Skims ซึ่งเป็นไลน์ผลิตภัณฑ์กระชับสัดส่วน ที่มีมูลค่าสูงถึง 4 พันล้านดอลลาร์ หลังจากมีการระดมทุนรอบปี 2566 นอกจากนี้ในปี 2563 เธอยังประสบความสำเร็จในการขายหุ้น 20% ของบริษัทเครื่องสำอาง KKW Beauty ให้กับบริษัท Coty ด้วยมูลค่าถึง 200 ล้านดอลลาร์

“ริฮันนา” ตัวแม่วงการเพลง อายุ 36 ปี ที่รวยระดับ 1,400 ล้านดอลลาร์

“ริฮันนา” (Rihanna) นักร้องสาวมากความสามารถ เจ้าของเพลงฮิตติดหูอย่าง Pour It Up (Remix) และ Lemon ได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ด้วยการกลายเป็นมหาเศรษฐีหญิงที่อายุน้อยที่สุดที่สร้างตัวขึ้นมาเองได้สำเร็จที่ขึ้นเป็นมหาเศรษฐีพันล้านในปี 2564 

แต่แฟนคลับก็แอบสงสัยว่ารายได้ของเธอไม่ได้มาจากการทำเพลง เพราะริฮานน่าไม่ได้ออกอัลบั้มเลยตั้งแต่เดือนม.ค.2559  แต่ความมั่งคั่งส่วนใหญ่ของริฮานนามาจากธุรกิจเครื่องสำอางอย่าง Fenty Beauty ซึ่งเป็นบริษัทที่เธอเป็นเจ้าของร่วมกับบริษัทสินค้าลักชัวรี่สัญชาติฝรั่งเศสอย่าง LVMH  โดยในปี 2566 แบรนด์ Fenty Beauty สามารถทำรายได้ถึง 600 ล้านดอลลาร์ และ Savage x Fenty แบรนด์ชุดชั้นในที่ส่งเสริมความหลากหลายทางด้านรูปร่างและสีผิว 

“เซเลนา โกเมซ”  สาวน้อยมหัศจรรย์ อายุ 32 ปี ขึ้นแท่นมหาเศรษฐีระดับ 1,400 ล้านดอลลาร์ไปหมาดๆ 

“เซเลนา โกเมซ”  (Selena Gomez) ไม่เพียงโด่งดังในฐานะนักร้องและนักแสดงเท่านั้น แต่เธอยังเป็นนักธุรกิจหญิงที่ประสบความสำเร็จ “ผู้หญิงสร้างความมั่งคั่งด้วยตนเองที่อายุน้อยที่สุด” เช่นเดียวกับ “เทย์เลอร์ สวิฟต์” และริฮันนา จากแบรนด์ “แรร์บิวตี้” (Rare Beauty)

Rare Beauty ที่โกเมซปลุกปั้นมานานกว่า 5 ปี ได้กลายเป็นไวรัลบนโซเชียลมีเดีย จากจุดขายด้วยลิควิดบลัชและลิปทินท์ โดยในรอบ 12 เดือน นับถึงเดือน ก.พ. ทำยอดขายสุทธิ 400 ล้านดอลลาร์ ซึ่งร้างรายได้จาก Rare Beauty คิดเป็นสัดส่วนกว่า 80% ของพอร์ตความมั่งคั่งของเธอ 

‘ริฮันน่า เจย์-ซี’ ตัวพ่อ ตัวแม่วงการ  ทำธุรกิจรวยพันล้าน จนลืมว่าเป็นนักร้อง!

นอกจากนี้ โกเมซยังทำเงินอีกหลายสิบล้านดอลลาร์จากการทำข้อตกลงใช้แบรนด์ดังอย่างหลุยส์วิตตอง, โค้ช และพูมา ได้เงินจากซีรีส์“Only Murders in the Building” ที่เพิ่งจะทำซีซัน 5 ไปอย่างน้อย 6 ล้านดอลลาร์ต่อหนึ่งซีซัน

แต่ทว่ารายได้จากซีรีส์ การขายอัลบั้มหรือจากผลงานเพลงของเธอ รวมถึงการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ และยังได้ริเริ่มแพลตฟอร์มสุขภาพจิต Wondermind เพื่อช่วยเหลือผู้คนที่มีปัญหาสุขภาพจิตนั้น ยังถือว่าน้อยนิดมากๆ เมื่อเทียบกับความมั่งคั่งทั้งหมดของเธอที่ได้จากแบรนด์ Rare Beauty 

Taylor Swift เจ้าหญิงวงการเพลงป๊อป อายุ 34 ปี รวยระดับ 1,100 ล้านดอลลาร์ที่มาจากการเป็นศิลปินล้วนๆ

สำหรับ Taylor Swift ไม่พูดถึงไม่ได้เพราะในเดือนตุลาคม 2566 "เทย์เลอร์ สวิฟต์" สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในวงการดนตรี ด้วยการกลายเป็นมหาเศรษฐีคนแรกที่สร้างความมั่งคั่งหลักมาจากรายได้ในวงการเพลงเพียงอย่างเดียว

ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่นี้เกิดจากความสามารถในการสร้างสรรค์ผลงานเพลงที่เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายทั่วโลก ผนวกกับการจัดทัวร์คอนเสิร์ตที่ครอบคลุม 5 ทวีป ซึ่งทำรายได้มหาศาล นอกจากนี้ เธอยังสร้างรายได้จากการขายอัลบั้มและการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ออีกด้วย

 

 

อ้างอิง usmagazine Forbs BloomBerg