อาวุธลับ ททท. กระตุ้นยอด ‘จีน’ เที่ยวไทย จะทำอย่างไร แตะเป้า 8 ล้านคน

ตลาดนักท่องเที่ยวจีน ทางตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่มีศักยภาพต่อประเทศไทย ซึ่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดงาน ไชน่าโรดโชว์ สถานีปักกิ่ง ปี 2567 เป็นหมุดหมายสำคัญ ขยายกลุ่ม นักท่องเที่ยวจีน ได้มาเที่ยวไทยเพิ่มขึ้น 

ททท. ร่วมกับสมาคมการท่องเที่ยวและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ATTA) สถาบันวิจัยแห่งชาติ และกลุ่มบริษัท King Power Duty Free (คิง พาวเวอร์) นำทัพผู้ประกอบการ และพันธมิตรพบปะบริษัทท่องเที่ยวจีน เพื่อมุ่งส่งเสริมการท่องเที่ยว และขยายความร่วมมือในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวระหว่าง ไทย-จีน

“ชูวิทย์ ศิริเวชกุล” ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียตะวันออก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้สัมภาษณ์กับทีมกรุงเทพธุรกิจถึงการจัดงานไชน่าโรดโชว์ สถานีปักกิ่ง ว่า ททท.ได้แนะนำผลิตภัณฑ์ท่องเที่ยวใหม่ของไทยในปี 2567 หนึ่งในไฮไลต์ตามนโยบายรัฐบาลไทย ต้องการส่งเสริมการท่องเที่ยวประเทศไทยด้วยเสน่ห์ไทย (Thai Charming) หรือเมืองน่าเที่ยว ซึ่งคนจีนรู้จักประเทศไทยอยู่แล้วโดยเฉพาะเมืองหลักๆ เช่น กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ ภูเก็ต พัทยา เกาะสมุย แต่เรายังมีแหล่งท่องเที่ยวเมืองรองที่น่าเที่ยวอีกมากมายทั่วประเทศไทยรอคอยคนจีนอยู่ เช่น พังงา กระบี่ ระยอง ตราด โดยที่สามารถสัมผัสวิถีชีวิตชุมชนได้ลึกซึ้ง

5 Must Do เที่ยวไทยครบรส

ชูวิทย์มองว่า ตลาดการท่องเที่ยวจีน ได้พัฒนาไปค่อนข้างมาก ททท.เห็นโอกาสนำเสนอกิจกรรมให้ตรงกับความสนใจของนักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นแนวทางส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (Sustainable  Tourism) ตามคอนเซ็ปต์ที่ว่า 5 Must Do ได้แก่

1.Must Eat อิ่มอร่อยกับอาหารถิ่น

2.Must See ละลานตาวัฒนธรรม

3.Must Seek แสวงหา Unseen ถิ่นน่าเที่ยว

4.Must Buy หัตถกรรมล้ำค่าน่าซื้อฝาก

5.Must Beat สุดยอดกีฬาท้าทายกายใจ

“ ประเทศไทยมีความโดดเด่นด้านรสชาติอาหาร และแตกต่างจากอาหารจีน โดยเฉพาะรสเปรี้ยว ซึ่งจากข้อมูลสถิติพบว่านักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาไทย 60% จะมาเพื่อลิ้มลองรสชาติอาหารไทยโดยเฉพาะ” ชูวิทย์เล่า และชี้ว่า ผลิตภัณฑ์ท่องเที่ยวไทยใหม่ๆ ยังเน้นให้คนจีนได้ร่วมทำกิจกรรมหลากหลาย เช่นมาเรียนทำอาหารไทย เรียนนวดแผนไทย เรียนมวยไทย เรียนรู้วิถีชีวิตธรรมชาติ อย่างการอาบน้ำและทำอาหารให้ช้าง เป็นต้น

นอกจากนี้ ไทยยังมีสินค้าที่มากกว่าในรายการติดอันดับท็อปเทนที่นักท่องเที่ยวจีนนิยมซื้อเมื่อมาไทย แท้ที่จริงแล้วยังมีสินค้าอีกจำนวนมากที่ต้องซื้อ เช่น ผลิตภัณฑ์สปา สมุนไพรเพื่อสุขภาพ ซึ่งตรงความต้องการของนักท่องเที่ยวจีนที่สนใจดูแลสุขภาพมากขึ้น

แผนท่องเที่ยว ฉลองสัมพันธ์ไทย-จีน

ในปีหน้าเป็นปีแห่งการเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ไทย-จีน ซึ่งประเทศไทยได้ประกาศให้เป็นปี “Amazing Thailand Grand Tourism Year” โดยชูวิทย์กล่าวว่า ททท.เตรียมมีกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสงกรานต์ที่ร่วมมือกับรัฐบาลจีนจัดงาน รวมไปถึงเทศกาลตรุษจีน เทศกาลลอยกระทง และเทศกาลไหว้ครูมวยไทย เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวจีนตลอดทั้งปี

ชูวิทย์กล่าวว่า ปัจจุบัน มีเที่ยวบินจาก 42 เมืองของจีนให้บริการไฟลท์บินไปยังประเทศไทย เรียกว่าค่อนข้างครอบคลุมทั่วประเทศจีน แม้ว่าจำนวนที่นั่งและไฟลท์บินยังไม่กลับมา 100% เมื่อเทียบกับปี 2563 แต่ ททท.ได้ทำงานร่วมกันกับสนามบินในจีนและไทย สายการบินต่างๆ และสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศจีน (CAAC) ผลักดันและฟื้นฟูจำนวนไฟลท์บินให้กลับมาปกติ

“ผมคาดว่าในปีหน้าจะได้เห็นไฟลท์บินเริ่มกลับมาครบ 100% ซึ่งจะทำให้ประชาชนของสองประเทศเดินทางไปมาหาสู่และท่องเที่ยวระหว่างกัน ตอกย้ำเป็นปีเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ไทย-จีน” ชูวิทย์กล่าว

 

ปรับท่องเที่ยว รับต้องการหลากหลาย

ถึงอย่างไรมีแนวโน้มไปในทิศทางที่ดี หากพิจารณาจากขณะนี้มีการเพิ่มเที่ยวบินของสายการบินต่างๆ ขึ้นในหลายเมือง อย่างเจิ้งโจว เสิ่นหยาง ฮูเหอเฮ่าเท่อ เป็นผลจากที่ ททท. ได้ไปจัดโรดโชว์ที่ช่วยกระตุ้นนักท่องเที่ยวจีนในพื้นที่อยากมาไทยเพิ่มขึ้น ขณะที่นักท่องเที่ยวจีนจากมองโกเลียใน ต้องการมาไทยเพื่อรักษาพยาบาล

นอกจากนี้ความต้องการของนักท่องเที่ยวจีนยังมีความหลากหลาย ไม่ว่าจะมาตีกอล์ฟมาราธอน วิ่งเทรล UTMB หรือท่องเที่ยวก่อนส่งลูกหลานเรียนหนังสือ

ชาร์เตอร์ไฟลท์ นทท.จีนสู่เมืองท่องเที่ยว

ส่วนกลยุทธ์เพิ่มอำนวยความสะดวกด้านการเดินทางให้นักท่องเที่ยวจีน และรับกับแผนผลิตภัณฑ์ใหม่ของไทย “ยลรวี สิทธิชัย” ผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานกรุงปักกิ่ง เปิดเผยว่า มีการปรับรูปแบบเที่ยวบินที่จะนำนักท่องเที่ยวชาวจีนมาไทยเป็นลักษณะชาร์เตอร์ไฟลท์ไปยังสนามบินใกล้สถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นไฮไลต์และยอดนิยมของชาวจีนในไทย

“กลยุทธ์เชิงรุก เช่น จัดชาร์เตอร์ไฟลท์นำนักท่องเที่ยวไปยังเกาะหลีเป๊ะ และอื่นๆในจังหวัดกระบี่ เมื่อมีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางจำนวนมากระดับคงที่แล้ว ก็จะปรับเป็นเที่ยวบินประจำปกติ” ยลรวียกตัวอย่างและบอกด้วยว่า แนวโน้มดำเนินการลักษณะนี้ จะมีขึ้นในหลายสนามบินทั่วประเทศไทย

ภายในงานไชน่าโรดโชว์เป็นโอกาสที่ไทยโปรโมทผลิตภัณฑ์ท่องเที่ยวใหม่ ช่วยดึงดูดชาวจีนที่ยังไม่เคยเที่ยวไทยได้เดินทางมาประเทศไทย ทั้งนี้ พบว่า มีนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางไปไทยเป็นครั้งแรกจำนวน 3.2088 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้น 141.2% เมื่อเทียบกับเมื่อปีที่แล้ว

นับถอยหลัง 4 เดือน ปั๊มยอดจีนเที่ยวไทย

ยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาไทย ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 25 สิงหาคม 2567 รวมอยู่ที่ 23,096,752 คน ในจำนวนนี้พบว่า นักท่องเที่ยวจีนยังคงเป็นอันดับหนึ่งของการจัดอันดับนักท่องเที่ยวต่างชาติใน 5 อันดับแรก หรืออยู่ที่ 4,694,210 คน

“เป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวจีนปีนี้ที่ผ่านบอร์ด ททท. อยู่ที่ 7.389 ล้านคน ขณะที่เป้าหมายรัฐบาลอยู่ที่ 8 ล้านคน ในระหว่างนี้อีก 4 เดือนเพื่อทำยอดตามเป้า ทาง ททท.จะใช้โอกาสของความแตกต่างระหว่างไทยกับจีนภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ ทั้งสภาพอากาศ และอาหาร เพื่อกระตุ้นให้ชาวจีนสนใจและต้องการไปท่องเที่ยวไทย" ยลรวีกล่าว

จีนเที่ยวไทย มั่นใจ-บอกต่อ

แม้ในช่วงที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวจีนบางกลุ่มแสดงความกังวลต่อการเดินทางมาไทยเรื่องความปลอดภัย ซึ่ง “ศิษฏิวัชร ชีวรัตนพร” นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) ยืนยันว่า สิ่งเหล่านี้หายไปหมดแล้ว กล้าพูดได้เต็มปากว่า การบริการท่องเที่ยวของไทยดีกว่าเดิม

“เมื่อมีความมั่นใจ นักท่องเที่ยวจีนจะสื่อสารและบอกต่อให้กับนักท่องเที่ยวประเทศของเขาได้เชื่อมั่นในการเดินทาง ซึ่งจะเป็นทางหนึ่งฟื้นฟูจำนวนนักท่องเที่ยวจีนมาไทยให้เป็นไปตามเป้า” ศิษฏิวัชรกล่าว และเสริมว่า แนวโน้มพฤติกรรมการท่องเที่ยวของชาวจีนก็สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจจีนที่อยู่ในช่วงฟื้นตัวโควิด-19 นั่นคือ คนจีนส่วนใหญ่ที่เที่ยวไทยจะเป็นคนวัยหนุ่มสาว

จีนยอมจ่ายหนัก เที่ยวไทยลักชัวรี่

โดยศิษฏิวัชรอ้างรายงานการสำรวจของ ATTA ที่ระบุว่า กลุ่มนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาไทยมากที่สุด เป็นคนวัยหนุ่มสาวอายุ 22 - 45 ปี ซึ่งในกลุ่มนักท่องเที่ยวนี้ประมาณ 80% จะมีทั้งเที่ยวเอง ซื้อแพ็คเก็จสถานที่เที่ยวของโรงแรมหรือที่พักนำเสนอ หรือร่วมกับกลุ่มทัวร์ขนาดเล็กที่เน้นไพรเวทมากขึ้น

นอกจากนี้ยังตั้งข้อสังเกตว่า นักท่องเที่ยวจีนมีรูปแบบการท่องเที่ยวที่แตกต่างไปจากเดิม ซึ่งบริษัทท่องเที่ยวของไทยก็ได้ปรับรูปแบบให้เข้ากับความสนใจคนจีนในปัจจุบัน เช่น การจัดกรุ๊ปท่องเที่ยวขนาดเล็กแบบลักชัวรี่ เพิ่มความเป็นวีไอพี และจัดตารางความสนใจตามที่นักท่องเที่ยวจีนต้องการ

อย่างไรก็ตาม ATTA ได้นำทีมผู้ประกอบการการท่องเที่ยวไทย 60 ราย พบปะกับพันธมิตรใหม่ๆ จากบริษัทการท่องเที่ยวจีนกว่า 370 ราย และผู้ประกอบวิชาชีพด้านการท่องเที่ยว 450 ราย ทั้งนี้ภายในงานได้จัดให้มีการพูดคุยและทำความรู้จักกัน เพื่อจับคู่ทางธุรกิจที่จะนำไปสู่การกระชับความร่วมมือกันระหว่างบริษัท ในภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยและจีน