UK หนี้ท่วมแตะ 100% ของจีดีพี สูงสุดในรอบกว่า 50 ปี
หนี้สาธารณะของสหราชอาณาจักรพุ่งแตะ 100% ของจีดีพี ครั้งแรกในรอบกว่า 50 ปี สร้างปัญหาหนักอกให้รัฐบาลชุดใหม่กับแผนการใช้งบฯ และการขึ้นภาษี
สำนักงานสถิติแห่งชาติของสหราชอาณาจักเปิดเผยว่า ระดับหนี้สาธารณะของสหราชอาณาจักร (UK) พุ่งขึ้นแตะระดับ 100% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ยุคใหม่ไปแล้ว หรือสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1960 ที่สภาพการเงินของประเทศย่ำแย่หนักหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
หนี้สาธารณะUKสุทธิ โดยไม่รวมหนี้ธนาคารของรัฐ ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 99.3% ในเดือนก.ค.ที่ผ่านมา ขึ้นไปแตะระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการเก็บข้อมูลตัวเลขรายเดือนในปี 1993 ซึ่งสร้างปัญหาให้กับรัฐมนตรีคลัง ราเชล รีฟร์ กับแผนการใช้งบประมาณและแผนภาษีของรัฐบาลชุดใหม่
รอยเตอร์สระบุว่า หนี้สาธารณะUK พุ่งสูงขึ้นในช่วงวิกฤตการณ์ทางการเงินโลกและเพิ่มอีกครั้งในช่วงการระบาดของโควิด-19 ในขณะที่การเติบโตทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ก็ส่งผลให้หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นเช่นกันเมื่อเทียบกับจีดีพีประเทศ
ในเดือนส.ค. ที่ผ่านมา รัฐบาลกู้เงิน 1.3734 หมื่นล้านปอนด์ (กว่า 6 แสนล้านบาท) ซึ่งมากกว่าในเดือนส.ค.ของปีก่อน 3,300 ล้านปอนด์ ขณะที่ผลสำรวจของรอยเตอร์บ่งชี้ให้เห็นถึงการขาดดุลการคลังถึง 1.2400 หมื่นล้านปอนด์
ตัวเลขดังกล่าวแสดงให้เห็นถึง "จ่ายด้านสวัสดิการสังคมและรายจ่ายปัจจุบันที่เพิ่มสูงขึ้น" และสะท้อนถึง อัตราเงินเฟ้อ ที่สูงกว่าปกติ
รมว.คลังอังกฤษได้ส่งสัญญาณเตือนก่อนหน้านี้ว่า จะเสนอการปรับ "ขึ้นภาษี" ระหว่างการเสนอร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปีฉบับใหม่ในวันที่ 30 ต.ค.นี้ แต่ยังปฏิเสธที่จะขึ้นในส่วนของภาษีเงินได้ส่วนบุคคล นิติบุคคล และภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) ทำให้รัฐบาลอาจไม่สามารถเพิ่มรายได้มากพอที่จะปรับปรุงบริการสาธารณะและกระตุ้นการลงทุนเพิ่ม