EU ลงมติ 'ภาษีอีวีจีน' ศุกร์หน้า 4 ต.ค. คาดเคาะขึ้นภาษีเป็น 45%

EU ลงมติ 'ภาษีอีวีจีน' ศุกร์หน้า 4 ต.ค. คาดเคาะขึ้นภาษีเป็น 45%

'อียู' ลงมติตัดสินชะตากรรมภาษีรถยนต์อีวีนำเข้าจากจีน วันศุกร์ 4 ต.ค. นี้ หลังเปิดช่องให้เจรจากันมานาน 3 เดือน คาดประกาศขึ้นภาษี "อย่างเป็นทางการ" อาจเห็นตัวเลขที่ 45%

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานอ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องว่า สหภาพยุโรป (อียู) มีแผนจะลงมติเรื่องการขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) จากจีน ในวันศุกร์ที่ 4 ต.ค.นี้ หลังเลื่อนมาจากสัปดาห์ที่แล้ว ท่ามกลางการจับตามองว่าอียูจะประกาศขึ้นภาษีรถอีวีจีนอย่างเป็นการทาง โดยคาดว่าอัตราภาษีอาจเพิ่มเป็นอัตราสูงสุดที่ประมาณ 45%

แหล่งข่าวเปิดเผยว่าประเทศสมาชิกอียูต่างได้รับร่างระเบียบสำหรับมาตรการขึ้นภาษีใหม่กันแล้ว โดยการลงคะแนนเสียงของ 15 ชาติสมาชิกอียูซึ่งมีสัดส่วนเป็น 65% ของการลงคะแนนทั้งหมด มีขึ้นล่าช้าไปกว่าเดิมเล็กน้อย เนื่องจากยังคงมีการเจรจากันในนาทีสุดท้ายกับ "รัฐบาลปักกิ่ง" เพื่อพยายามหาข้อยุติที่จะหลีกเลี่ยงการขึ้นภาษีใหม่

บลูมเบิร์กรายงานก่อนหน้านี้ว่า การเจรจาระหว่างทั้งสองฝ่ายยังสามารถดำเนินต่อไปได้ แม้ว่าอียูจะลงมติรับร่างการขึ้นภาษีใหม่แล้วก็ตาม แต่การลงมติในวันศุกร์หน้าก็ยังสามารถเปลี่ยนแปลงหรือเลื่อนออกไปได้อีกเช่นกัน 

ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) ซึ่งเป็นองค์กรฝ่ายบริหารของอียู มีคำตัดสินเมื่อปลายเดือนมิ.ย. ที่ผ่านมาว่า จีนมีการอุดหนุนอุตสาหกรรมรถยนต์อีวีจคงทำให้เกิดการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม และอียูจำเป็นต้องขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนเพิ่มเติม เพื่อไม่ให้ผู้ผลิตรถยนต์ในสหภาพยุโรปเสียเปรียบ โดยมีการประกาศข้อเสนอขึ้นภาษีเพิ่มเติมชั่วคราวมีผลตั้งแต่เดือนก.ค.ในอัตราสูงสุด 38.1%  เพิ่มเติมจากอัตราปัจจุบันที่ 10% 

ขณะที่การลงมติในสัปดาห์หน้าคาดว่าจะเป็นการเคาะอัตราภาษีเพิ่มเติมใหม่ที่คาดว่าอาจมีเพดานสูงสุดราว 35% ซึ่งจะทำให้ภาษีรถอีวีจีนสูงสุดรวมอยู่ที่ประมาณ 45% และจะมีผลบังคับใช้เป็นเวลา 5 ปี หากไม่มีเสียงคัดค้าน 

ก่อนหน้านี้ประเทศสมาชิกอียูบางราย เช่น เยอรมนีและสเปน ต่างคัดค้านข้อเสนอดังกล่าวว่าอาจเป็นชนวนไปสู่ "สงครามการค้า" ระหว่างอียูกับจีน โดยจีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดอันดับสองของอียู และมีมูลค่าการค้าระหว่างกันที่ 8.25 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2566 

ในขณะที่จีนซึ่งปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องการอุดหุนและการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมดังกล่าว ขู่ที่จะดำเนินมาตรการขึ้นภาษีตอบโต้กับสินค้านำเข้าหลายรายการจากอียู อาทิ นมและผลิตภัณฑ์จากนม เนื้อหมู บรั่นดี และรถยนต์เครื่องยนต์ขนาดใหญ่  

"ผมไม่เห็นด้วยกับการเรียกเก็บภาษีตอบโต้ไปมา เพราะการกระทำดังกล่าวอาจนำไปสู่มาตรการตอบโต้กลับและทำให้เราเข้าไปพัวพันกับข้อพิพาทเรื่องนี้ หรืออาจถึงขั้นเป็นสงครามการค้ากับจีน ผมกำลังทำงานเพื่อหาทางออกทางการเมืองที่ไม่ทำให้เราเข้าสู่สงครามภาษีกับจีน" โรเบิร์ต ฮาเบค รัฐมนตรีเศรษฐกิจเยอรมนีกล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า