อัยการฟ้องทรัมป์รอบใหม่ ก่ออาชญากรรมล้มผลเลือกตั้ง 2020

สมิธ ซึ่งเป็นอัยการที่ได้รับแต่งตั้งให้ดำเนินคดีการแทรกแซงการเลือกตั้งของทรัมป์ ได้ยื่นคำฟ้องใหม่ดังกล่าว ซึ่งเอกสารคำฟ้องถูกเปิดเผยต่อสาธารณชนเมื่อวันพุธที่ 2 ต.ค.

การยื่นฟ้องรอบใหม่นี้เพื่อตอบโต้ข้ออ้างของทรัมป์ที่ว่า เขาได้รับการคุ้มครองโดยคำตัดสินสำคัญของศาลฎีกาในเดือนก.ค. ซึ่งมอบสิทธิคุ้มครองไม่ต้องถูกดำเนินคดีสำหรับการกระทำตามหน้าที่ราชการในขณะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี

เนื่องจากจะยังไม่มีการพิจารณาคดีก่อนวันเลือกตั้ง 5 พ.ย. ซึ่งทรัมป์ในฐานะตัวแทนของพรรครีพับลิกันจะแข่งขันกับคามาลา แฮร์ริส คู่แข่งจากพรรคเดโมแครตเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดี จึงมีการตั้งข้อสังเกตว่าการยื่นฟ้องต่อศาลครั้งนี้ “อาจจะเป็นโอกาสสุดท้ายที่อัยการจะสามารถดำเนินคดีทรัมป์ได้”

ในเอกสารคำฟ้องที่มีความยาวทั้งหมด 165 หน้า อัยการกล่าวหาว่าทรัมป์ไม่ได้ทำหน้าที่ในตำแหน่งทางการเสมอไป แต่เขา “พยายามกระทำความผิดทางอาญาโดยส่วนตัว” เพื่อล้มผลการเลือกตั้งในปี 2020

การยื่นฟ้องดังกล่าวถือเป็นความพยายามของอัยการที่จะดำเนินคดีอาญา หลังจากศาลฎีกามีคำวินิจฉัยในเดือนก.ค.

จากคำวินิจฉัยของศาลดังกล่าวทำให้ฝ่ายอัยการต้องจำกัดขอบเขตการฟ้องร้องใหม่ให้แคบลง โดยอัยการเห็นว่าคำตัดสินดังกล่าวไม่ได้คุ้มครองการกระทำที่ไม่เป็นทางการของทรัมป์ โดยฝ่ายอัยการโต้แย้งว่าแม้ว่าทรัมป์อาจยังอยู่ในตำแหน่ง แต่การกระทำบางอย่างของทรัมป์เพื่อล้มผลการเลือกตั้งนั้นเกี่ยวข้องกับการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งและชีวิตส่วนตัวของเขาในฐานะพลเมืองทั่วไป

“ศาลควรตัดสินว่าจำเลยต้องถูกพิจารณาคดีในความผิดส่วนตัวเช่นเดียวกับพลเมืองอื่นๆ” สมิธเขียนระบุไว้ในเอกสารที่ยื่นฟ้องใหม่

ทั้งนี้ การดำเนินคดีทรัมป์ประสบกับความล่าช้านับตั้งแต่กระทรวงยุติธรรมยื่นฟ้องครั้งแรกเมื่อ 1 ปีกว่าที่ผ่านมา โดยกล่าวหาว่าทรัมป์ทำผิดกฎหมายโดยพยายามขัดขวางการรับรองชัยชนะของประธานาธิบดีโจ ไบเดน แต่ฝ่ายทรัมป์ปฏิเสธข้อกล่าวหาว่าเขากระทำผิด

เอกสารดังกล่าวระบุถึงหลายกรณีที่อดีตรองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ แสดงความสงสัยเกี่ยวกับข้อกล่าวหาของทรัมป์เรื่องมีการทุจริตในการเลือกตั้ง และเพนซ์พยายามโน้มน้าวให้ทรัมป์ยอมรับว่าเขาแพ้การเลือกตั้ง

ในเอกสารของศาล อัยการระบุว่าทรัมป์ไม่ได้รู้สึกกังวลเมื่อทราบว่าผู้ก่อจลาจลบุกอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2021 ขณะที่รองประธานาธิบดีของเขารีบเร่งสั่งการรักษาความปลอดภัยของตึกรัฐสภา

“แล้วไง” ทรัมป์กล่าวเมื่อได้รับแจ้งเหตุการณ์ดังกล่าว

ต่อมา เพนซ์ได้เปิดเผยต่อสาธารณชนเกี่ยวกับการทะเลาะวิวาทของเขากับทรัมป์ โดยผู้ก่อจลาจลบางคนที่บุกเข้าไปในรัฐสภาตะโกนว่า “แขวนคอไมค์ เพนซ์” เนื่องจากไม่พอใจที่รองประธานาธิบดีปฏิเสธที่จะขัดขวางการรับรองผลการเลือกตั้ง

ทั้งนี้ ทนายความของทรัมป์ต่อสู้อย่างหนักเพื่อคว่ำการยื่นฟ้องล่าสุด ขณะที่สตีเวน จึง โฆษกฝ่ายรณรงค์หาเสียงของทรัมป์กล่าวถึงการยื่นฟ้องครั้งนี้ว่า “เต็มไปด้วยความเท็จ” และ “ขัดต่อรัฐธรรมนูญ”

ในวันเดียวกัน ทรัมป์โพสต์ลงบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย Truth Social ของเขาว่าเรื่องนี้ว่าเป็น "การโจมตีทำลายชื่อเสียง" และกล่าวว่า “ไม่ควรเปิดเผยคำฟ้องก่อนการเลือกตั้ง" โดยยังกล่าวหาว่าอัยการประพฤติมิชอบอย่างร้ายแรง

การยื่นฟ้องดังกล่าวเป็นการเสนอหลักฐานใหม่และฉายภาพที่ชัดเจนที่สุดเท่าที่มีมาว่า อัยการจะนำเสนอคดีต่อทรัมป์อย่างไร

คำฟ้องกล่าวหาว่า ทรัมป์ตั้งใจที่จะประกาศชัยชนะเสมอไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาเป็นอย่างไรก็ตาม และได้วางแผนเรื่องนี้ไว้ล่วงหน้านานก่อนวันเลือกตั้ง นอกจากนี้ ยังกล่าวหาว่าเขาจงใจเผยแพร่ข้อกล่าวหาเท็จเกี่ยวกับการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง โดยตัวเขาเองก็รับรู้ว่าเป็น “เรื่องบ้ามาก"

คำฟ้องของสมิธยังให้รายละเอียดใหม่ๆ หลายประการเกี่ยวกับการหาเสียงของทรัมป์ที่สร้างเงื่อนปมไว้เพื่อให้เกิดความวุ่นวายในมลรัฐที่มีการหาเสียงต่อสู้กับอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะในเขตที่มีการนับคะแนนเสียงบัตรเลือกตั้งที่ส่งมาทางไปรษณีย์เป็นจำนวนมากในปี 2563 จากการระบาดของโควิด-19

คำฟ้องอ้างถึงกรณีเหตุการณ์ที่ฐานที่มั่นของพรรคเดโมแครตอย่างเมืองดีทรอยต์ รัฐมิชิแกน เมื่อบัตรลงคะแนนจำนวนมากดูเหมือนว่าจะโหวตให้ไบเดน เจ้าหน้าที่ฝ่ายรณรงค์หาเสียงของทรัมป์คนหนึ่งถูกกล่าวหาว่า เขาได้บอกเพื่อนร่วมงานของเขาให้ "หาเหตุผล" ว่ามีอะไรผิดปกติกับบัตรลงคะแนนเพื่อให้เขามี “ช่องทางในการยื่นฟ้อง"

เอกสารคำฟ้องดังกล่าวยังระบุด้วยว่าทรัมป์และคณะร่วมงานของเขา รวมถึงทนายความ รูดี จูลีอานี พยายาม “แสวงหาประโยชน์จากความรุนแรงและความวุ่นวายที่รัฐสภา” เมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2021 เพื่อให้มีการชะลอการรับรองการเลือกตั้ง โดยพวกเขาได้โทรหาสมาชิกวุฒิสภาและฝากข้อความเสียงเพื่อขอให้พวกไม่เห็นด้วยกับเจ้าหน้าที่เลือกตั้งของรัฐในเรื่องผลการเลือกตั้ง

ทรัมป์กล่าวตอบโต้คำฟ้องเมื่อวันพุธว่าคดีนี้จะจบลงด้วย “ชัยชนะอย่างเด็ดขาด” ของเขา ทั้งนี้ ศาลชั้นต้นยังไม่มีการกำหนดวันพิจารณาคดีนี้