‘ซัมซุง’ เจอปัญหาชิป AI ฉุดกำไรต่ำคาด เสี่ยงเสียตำแหน่งผู้นำตลาด

‘ซัมซุง’ เจอปัญหาชิป AI ฉุดกำไรต่ำคาด เสี่ยงเสียตำแหน่งผู้นำตลาด

‘ซัมซุง' เผยกำไรไตรมาส 3 ต่ำ คาดเผชิญวิกฤติชิป AI พร้อมขอโทษผลงานที่น่าผิดหวัง เพราะปรับตัวช้าเกินไป เสี่ยงหลุดตำแหน่งผู้นำตลาดชิป

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ (Samsung Electronics) ผู้ผลิตชิปหน่วยความจำ และสมาร์ตโฟนรายใหญ่ของโลก คาดว่าตัวเลขกำไรในไตรมาส 3 ปี 2567 จะออกมาย่ำแย่กว่าที่คาดการณ์ไว้ และขอโทษสำหรับผลงานที่น่าผิดหวัง เนื่องจากการแข่งขันในอุตสาหกรรมการผลิตชิประดับไฮเอนด์ที่ใช้ในเทคโนโลยี AI ซึ่งเป็นตลาดที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน

ซัมซุง เปิดเผยตัวเลขประเมินผลประกอบการเบื้องต้น (Guidance) ในวันนี้ (8 ต.ค.67) ระบุว่า กำไรจากการดำเนินงานสำหรับไตรมาสที่สิ้นสุดในเดือนก.ย. คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 9.10 ล้านล้านวอน ซึ่งเพิ่มขึ้น 274% จากระดับ 2.43 ล้านล้านวอนในปีที่แล้ว แต่ยังต่ำว่าตัวเลขที่ LSEG SmartEstimate คาดการณ์ไว้ที่ 10.3 ล้านล้านวอน

ซัมซุงระบุว่า ธุรกิจชิป AI กับลูกค้ารายใหญ่รายหนึ่งประสบปัญหาล่าช้า ขณะเดียวกันคู่แข่งจากจีนได้เพิ่มการจัดหาชิปแบบดั้งเดิม ส่งผลให้รายได้จากธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ของซัมซุงลดลง สะท้อนถึงความท้าทายที่ซัมซุงกำลังเผชิญอยู่ เนื่องจากซัมซุงเป็นผู้นำตลาดชิปหน่วยความจำระดับโลกมานานกว่า 3 ทศวรรษ แต่กำลังเผชิญกับการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นทั้งในตลาดชิปแบบดั้งเดิม และชิปขั้นสูง

อี มินฮี นักวิเคราะห์จาก BN Investment & Securities มองว่าผลประกอบการที่ออกมาถือว่าน่าผิดหวังอย่างมาก พร้อมชี้ให้เห็นว่าบริษัทกำลังเผชิญหน้ากับคู่แข่งอย่าง SK Hynix ในการแข่งขันเพื่อขายชิปหน่วยความจำแบนด์วิดท์สูง (HBM) ให้กับ Nvidia ซึ่งเป็นตลาดที่มีการเติบโตสูง และการที่บริษัทมีความเสี่ยงสูงในตลาดจีนก็ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการเช่นกัน

ซัมซุงเสียโอกาสใหญ่ในตลาดชิป AI เพราะช้าเกินไป หลังจากซัมซุงยังคงพึ่งพาชิปแบบดั้งเดิมที่ทำกำไรได้น้อยกว่า และต้องเผชิญหน้ากับการแข่งขันที่รุนแรงจากจีน โดยเฉพาะในตลาดชิป AI ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้ซัมซุงเสี่ยงต่อการสูญเสียตำแหน่งผู้นำในตลาด

ยอง ฮยอนจุน รองประธานฝ่าย Device Solutions Division ของ Samsung Electronics เผยว่ากำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายที่ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งนี่คือ ช่วงเวลาที่เราต้องพิสูจน์ตัวเอง พร้อมย้ำว่าบริษัทจะมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส และจะให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว

หลังจากการเปิดเผยผลประกอบการที่ไม่เป็นไปตามคาด ราคาหุ้นของ Samsung ก็ปรับตัวลดลงอีก 1.6% ส่งผลให้ราคาหุ้นในปีนี้ลดลงไปแล้วมากกว่า 20%

 

อ้างอิง Reuter

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์