เจาะ 'เทรนด์โลก 2025' ความท้าทายที่เกินกว่าจินตนาการถึง

เมื่อโลกใกล้เข้าสู่ปี 2025 เรากำลังเผชิญกับจุดเปลี่ยนสำคัญที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในหลายภาคส่วน ตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงทางประชากรไปจนถึงเทคโนโลยีที่กำลังเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตและการทำงาน การเข้าใจแนวโน้มเหล่านี้จะช่วยให้เราปรับตัวและเติบโตในโลกที่ซับซ้อนได้ดีขึ้น

โลกที่เต็มไปด้วยผู้สูงอายุ

ภายในปี 2050 คาดว่าประชากรอายุ 65 ปีขึ้นไปจะมีจำนวนมากกว่าคนวัยเด็ก เนื่องจากอัตราการเกิดที่ลดลงและความก้าวหน้าทางการแพทย์ เช่น เทคโนโลยีฟื้นฟูเซลล์และการยืดอายุขัย ส่งผลให้ประชากรสูงวัยมีบทบาทมากขึ้นในสังคม

นวัตกรรมด้านการดูแลสุขภาพและบริการสังคมจำเป็นต้องปรับตัวเพื่อรองรับผู้สูงอายุที่มีสุขภาพแข็งแรงและกระตือรือร้น ธุรกิจจะต้องปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์และบริการให้สอดคล้องกับความต้องการใหม่ ของคนกลุ่มนี้

สิ่งที่น่าสนใจคือ เทคโนโลยีทางการแพทย์จะช่วยฟื้นฟูเซลล์และเพิ่มอายุขัย ซึ่งอาจทำให้ผู้สูงวัยในอนาคตมีความกระฉับกระเฉงมากขึ้น ธุรกิจต่าง ๆ ต้องออกแบบผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบสนองความต้องการของผู้สูงอายุที่มีกำลังซื้อและความสามารถในการใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ในแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

วิกฤติซ้อนวิกฤติ และความหลากหลาย

วิกฤติซ้อนวิกฤติ หมายถึงการเชื่อมโยงระหว่างวิกฤติหลายด้าน เช่น เศรษฐกิจ การเมือง และสิ่งแวดล้อม ที่ทวีความรุนแรงขึ้น ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนนี้ ผู้บริโภคต่างมองหาแบรนด์ที่มีวิสัยทัศน์และสามารถเสนอวิธีแก้ปัญหาระยะยาว ไม่เพียงแค่เรื่องสินค้าและบริการ แต่ยังรวมถึงการมีบทบาทในการแก้ไขปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อม

ในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์แนวโน้มการเพิ่มมูลค่าทางวัฒนธรรม ยังคงมีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงโลก ตัวอย่างเช่น การร่วมมือระหว่างแบรนด์ระดับโลกกับชุมชนท้องถิ่น เช่น โครงการของ Nike ที่ร่วมมือกับศิลปินชาวเม็กซิกันในการออกแบบรองเท้ารุ่น Air Jordan V El Grito ที่สื่อถึงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของเม็กซิโก

นอกจากนี้ Fenty Beauty โดย Rihanna ได้สร้างแบรนด์เครื่องสำอางที่มีเฉดสีให้เลือกหลากหลาย ครอบคลุมทุกสีผิว ทำให้ผู้บริโภคทุกคนรู้สึกได้รับการยอมรับและเห็นคุณค่า การออกแบบผลิตภัณฑ์เช่นนี้สะท้อนถึงความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการสินค้าและบริการที่สะท้อนตัวตนและความเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละคน

GenAI

AI กำลังปฏิวัติวงการต่าง ๆ รวมถึงอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ การคาดการณ์ในอนาคตชี้ให้เห็นว่า AI จะกลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ผสมผสานกับความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์อย่างลงตัว AI ช่วยสร้างสรรค์งานศิลปะ ดนตรี การออกแบบ และแม้กระทั่งภาพยนตร์ AI ไม่เพียงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน แต่ยังสร้างรูปแบบใหม่ของศิลปะและความบันเทิงที่มนุษย์ไม่เคยสัมผัสมาก่อน

ตัวอย่างที่น่าสนใจ เช่น RunwayML ที่ใช้ AI ในการช่วยออกแบบและตัดต่อวิดีโอ ผู้สร้างสามารถใช้เครื่องมือ AI ในการทำงานได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น ลดความยุ่งยากในงานทำซ้ำ และเพิ่มเวลาในการสร้างสรรค์ผลงานใหม่ ๆ อีกหนึ่งตัวอย่าง คือ อุตสาหกรรมภาพยนตร์ มีการใช้ Deepfake ในการสร้างตัวละครดิจิทัลที่เคลื่อนไหวและแสดงอารมณ์ได้อย่างสมจริง ทั้งนี้ยังคงต้องพิจารณาเรื่อง จริยธรรม และ ความเป็นส่วนตัว ในการใช้งาน AI เพื่อป้องกันการนำไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม

ความยั่งยืนและเศรษฐกิจสีเขียว

งานวิจัย Creative Industries Foresight แนวโน้มด้าน Sustainability Rebalanced ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ธุรกิจจำเป็นต้องปรับตัวสู่การปฏิบัติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เช่น การใช้วัสดุออร์แกนิก การสนับสนุนเศรษฐกิจหมุนเวียน และการสร้างผลิตภัณฑ์ที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้

ตัวอย่างเช่น Worn Wear ของ Patagonia ซึ่งสนับสนุนให้ลูกค้าซ่อมและนำเสื้อผ้ามาใช้ใหม่ หรือ IKEA ที่ตั้งเป้าใช้วัสดุรีไซเคิลทั้งหมดในผลิตภัณฑ์ภายในปี 2030

อีกตัวอย่างคือ Adidas ที่ได้พัฒนาเทคโนโลยี Futurecraft Loop เพื่อผลิตรองเท้าจากวัสดุรีไซเคิลทั้งหมด ผู้บริโภคสามารถนำรองเท้าเก่ามาคืนเพื่อสร้างรองเท้าใหม่โดยไม่สร้างขยะ ในอนาคตความยั่งยืนจะเป็นหัวใจสำคัญในการออกแบบและผลิตสินค้า 

แนวโน้มเหล่านี้ชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในการดำเนินธุรกิจเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การใช้พลังงานหมุนเวียน และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ จะเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ธุรกิจในทุกอุตสาหกรรมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

E-book “เจาะเทรนด์โลก 2025” (TREND 2025: BEYOND IMAGINATION เกินกว่าที่จินตนาการจะนึกไปถึง) สามารถดาวน์โหลดได้ฟรี ที่  tcdc.or.th/th/all/service/resource-center/e-book/34560-Trend_2025