นโยบาย‘ทรัมป์-แฮร์ริส’ ต่างกันไหม? มองผ่านเลนส์นักคณิตศาสตร์ (2)

นโยบาย‘ทรัมป์-แฮร์ริส’ ต่างกันไหม? มองผ่านเลนส์นักคณิตศาสตร์ (2)

บทความตอนแรกทิ้งท้ายไว้ที่หลักฐานสนับสนุนทฤษฎีพลวัต Dynamical Systems ข้อ 2 ด้านนโยบายการเมืองระหว่างประเทศ วันนี้มีข้อมูลเพิ่มเติมจากนักวิชาการไทย

ในขณะที่สงครามอิสราเอลกับฮามาสยังคงยืดเยื้อต่อไป ดร. มาโนชญ์ อารีย์ อาจารย์ประจำภาควิชารัฐศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เห็นว่า เนทันยาฮูมีความมั่นใจว่าสงครามครั้งนี้จะส่งผลต่อการเลือกตั้งของสหรัฐอย่างมาก และส่งสัญญาณถึงผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของทั้งรีพับลินกันและเดโมแครตว่า “คุณต้องชูนโยบายสนับสนุนอิสราเอล! และเราก็เห็นแบบนั้น รีพับลิกันกับเดโมแครต ทั้งไบเดนและทรัมป์ ก็จะชูนโยบายสนับสนุนอิสราเอลเต็มที่ รวมทั้งแฮร์ริสด้วย”

 ด้านนโยบายของไบเดนต่อสงครามรัสเซีย-ยูเครนนั้นยังไบเดนสนับสนุนยูเครนเต็มที่ ทั้งการส่งอาวุธและให้ความช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจแก่ยูเครน ส่วนทรัมป์แม้เคยประกาศว่า หากได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีเขาจะทำให้สงครามยุติลงภายใน 24 ชั่วโมงเพราะจะยกหูไปคุยกับประธานาธิบดีวลาดีมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย และทรัมป์มักกล่าวโจมตีประเทศในยุโรปที่เป็นสมาชิกของนาโตในหลายวาระในเรื่องที่ประเทศเหล่านั้นให้งบประมาณสนับสนุนนาโตน้อยกว่าที่ควรจะเป็น ทรัมป์ยังขู่จะไม่ช่วยหากปูตินส่งกองทัพบุก

แต่นักวิเคราะห์หลายคนรวมทั้ง ดร. สมชาย ภัคภาสน์วิวัฒน์ นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์และการเมือง ก็ยังเชื่อว่า สหรัฐยังจะจับมือกับนาโต เพื่อสกัดการรุกของรัสเซียเพราะถือว่ารัสเซีย เป็นภัยคุกคามต่อทั้งยุโรปและสหรัฐ “ทรัมป์เองเขาก็รู้ว่าจะทิ้งนาโตไม่ได้ เพราะถ้าทิ้งนาโตอเมริการเองก็มีภัยคุกคาม” ดร. สมชายกล่าว

ทรัมป์ได้พบกับประธานาธิบดีโวโลดิมียร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน เมื่อครั้งเซเลนสกีเยือนวอชิงตันในช่วงเมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมาเพื่อขอให้ไบเดนอนุญาตให้ยูเครนยิงขีปนาวุธพิสัยไกลลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย แม้ทรัมป์จะวิจารณ์เซเลนสกีก่อนหน้านั้นว่าไม่ยอมเจรจาสันติภาพเพื่อยุติสงคราม แต่ทรัมป์ก็ยืนยันหลังพบกับเซเลนสกีว่าจะต่อรองให้มีข้อตกลงที่เป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย

ข้อแตกต่างของนโยบายของฝั่งเดโมแครตกับรีพับลิกันนั้น จึงดูเหมือนจะไม่แตกต่างกันมากนัก

อย่างไรก็ตาม อาจจะมีคนเห็นต่าง โดย จอห์น โบลตัน อดีตที่ปรึกษาด้านความมั่นคง ของทรัมป์เคยวิจารณ์ทรัมป์อย่างรุนแรงว่าทรัมป์ ไม่รู้เรื่องการเมืองระหว่างประเทศแม้ระดับขั้นพื้นฐานและถูกปูติน ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง แห่งจีน และคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือปั่นหัวเล่น แต่ก็มีคนเห็นแย้งความเห็นของโบลตันว่า ทรัมป์นั้นอาจจะดูวางตัวเป็นมิตรกับปูตินและคิม จองอึนในช่วงเขาดำรงตำแหน่งสมัยแรก แต่เขาก็ไม่ได้ทำตามในสิ่งเขาแสดงท่าทีเสมอไป ซึ่งแม้แต่ปูตินเองก็เคยพูดถึงทรัมป์ว่า เป็นคนที่ทำนายไม่ได้

  •   นโยบายเศรษฐกิจภายในประเทศ

สำนักวิจัยอิสระหลายแห่งต่างออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่า นโยบายหาเสียงของทั้งทรัมป์และแฮร์ริส ที่ครอบคลุมเรื่องการลดภาษี การสนับสนุนธุรกิจ อุตสาหกรรมในประเทศ การให้สวัสดิการสังคม และโครงการบ้านราคาถูก จะก่อให้เกิดหนี้ก้อนโตในทศวรรษหน้า

โดยเมื่อเร็วๆนี้ คณะกรรมการเพื่อความรับผิดชอบด้านงบประมาณของรัฐบาลกลาง (Committee for a Responsible Federal Budget) ซึ่งเป็นองค์กรอิสระ ออกรายงานประมาณการใช้จ่ายของนโยบายหาเสียงของแฮร์ริสว่า จะนำไปสู่การก่อหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 3.7 ล้านล้านดอลลาร์ในอีก 10 ปีข้างหน้า และนโยบายหาเสียงของทรัมป์ จะก่อหนี้ใหม่อีก 7.5 ล้านล้านดอลลาร์ จากหนี้สาธารณะปัจจุบันที่ 35.7 ล้านล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 124 % ของ จีดีพี

เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่า ทั้งสองพรรคตกอยู่ภายใต้แรงกดดันที่ต้องขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายในสหรัฐ และให้สวัสดิการสังคม จึงจำเป็นต้องมีโครงการใช้เงินงบประมาณและลดภาษีมากมาย จะแตกต่างกันก็แต่รายละเอียดของโครงการเท่านั้น

ความแตกต่างระหว่างทรัมป์กับแฮร์ริส ที่เราเห็นจากภายนอกที่ทั้งสองแสดงออกผ่านสื่อในช่วงการหาเสียงนั้นอาจจะเป็นเพียง ความต่างกันของบุคคลิกภาพ การสร้างวาทะกรรม การใช้เทคนิคการปราศัยหาเสียง การใช้เหตุการณ์ปัจจุบันให้เป็นประโยชน์ในการหาเสียง ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ปัญหาร้อนๆ ทั้งประเด็น คนเข้าเมืองผิดกฎหมาย การควบคุมอาวุธปืน สิทธิการทำแท้ง นโยบายเศรษฐกิจ หรือ การจัดการกับภัยพิบัติเฮอริเคน

แต่เนื้อหาสาระของนโยบายของทั้งพรรครีพับลิกัน และเดโมแครต ไม่ได้แตกต่างกันมากเสียทีเดียวดังที่กล่าวมาแล้ว

  •  ผู้สมัครชิงตำแหน่งรองปธน.เห็นคล้ายกันหลายเรื่อง

ในการดีเบตนโยบายระหว่างผู้สมัครลงแข่งชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดี ทิม วอลซ์ และ เจ ดี แวนซ์ เมื่อคืนวันที่ 1  ต.ค. ทั้งสองมีความเห็นคล้ายกันหลายเรื่องในการพูดถึงประเด็นต่างๆ เช่น ปัญหาคนเข้าเมือง ความรุนแรงจากการใช้อาวุธปืน สิทธิการทำแท้ง การสนับสนุนอุตสาหกรรม การผลิตพลังงาน วอลซ์ ผู้ว่าการรัฐมินนิโซตา ที่ลงคู่กับแฮร์ริส ถึงกับเอ่ยปากว่า “ผมสนุกกับการดีเบตในคืนนี้ ผมคิดว่า มีหลายเรื่องที่เห็นคล้ายกัน ณ ที่ตรงนี้” ซึ่งแวนซ์วุฒิสมาชิกจากรัฐโอไฮโอที่ลงคู่กับทรัมป์ ตอบกลับว่า “ผมเห็นด้วย เพื่อน”