ทูตจีนมั่นใจ‘เศรษฐกิจสดใส’โต 5% สวนทางข่าวสื่อตะวันตก

นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทยแสดงปาฐกถาพิเศษ “เศรษฐกิจจีนในมุมมองใหม่” จัดโดยสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ระบุว่า ในปีที่ผ่านมาเศรฐกิจโลกประสบปัญหา สำหรับประเทศจีนเพื่อส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจรัฐบาลได้ออกมาตรการต่างๆ เช่น ธนาคารกลางออกมาตรการดอกเบี้ย มาตรการเงินสำรอง มีมาตรการทางการเงินสนับสนุนรัฐบาลท้องถิ่นแก้ไขปัญหาหนี้สิน  เป็นต้น ทุกมาตรการมีเป้าหมายต้องการแก้ไขปัญหาและกระตุ้นเศรษฐกิจให้มีชีวิตชีวา มั่นใจเศรษฐกิจขยายตัว 5% ได้ตามเป้า

 “สื่อตะวันตกรายงานข่าวราวกับว่า เศรษฐกิจจีนจะล่มสลายไม่วันนี้ก็พรุ่งนี้ ผมทำงานในกระทรวงการต่างประเทศมานานกว่าสิบปี ได้ยินคำพูดแบบนี้บ่อยๆ” ทูตจีนกล่าวและว่า แท้จริงแล้วเศรษฐกิจจีนสดใสมาก มีข้อได้เปรียบหลายอย่าง เช่น มีโครงสร้างการผลิตใหญ่ที่สุดในโลก มีตลาดการบริโภคใหญ่ที่สุดในโลก ตลาดภายในประเทศมูลค่ากว่า 6.5 ล้านล้านดอลลาร์ มูลค่าการนำเข้า 2.5 ล้านล้านดอลลาร์ 

อีกหนึ่งข้อได้เปรียบของจีนคือการนำของพรรคคอมมิวนิสต์เป็นการนำที่มีศักยภาพทางการเมือง ผลักดันแผนพัฒนาประเทศมาอย่างยาวนาน เป้าหมายต่อไปของจีนคือเป็นประเทศที่ทันสมัย ส่วนประเทศไทยถือเป็นพันธมิตรที่มิตรภาพยาวนานกว่าพันปี ยิ่งปัจจุบันความร่วมมือและการพัฒนายิ่งใกล้ชิดยิ่งขึ้น ซึ่งจีนหวังว่าการพัฒนาของจีนจะเป็นพลวัตและแบ่งปันโอกาสการพัฒนาให้กับไทยด้วย 

นอกจากนี้ทูตหานยังยกตัวอย่าง เมื่อเดือน ต.ค.2566 อดีตนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน ไปเยือนจีนพบกับนายกรัฐมนตรีหลี่เฉียง ได้ปรารภเรื่องการส่งผลไม้ไทยผ่านทางแม่น้ำไปลงที่ท่าเรือยูนนาน ต่อมาในวันที่ 5 ส.ค.2567 มีการเปิดช่องทางศุลกากรขนส่งผลไม้ไทยชุดแรกสำเร็จเรียบร้อยภายในเวลา 10 เดือน ซึ่งตัวอย่างความร่วมมือแบบนี้ระหว่างจีน-ไทยยังมีให้เห็นอีกมาก 

ทูตหานกล่าวต่อไปว่า สินค้าจีนที่ส่งมาขายในไทยเป็นสินค้าทุน 80% ตอบสนองความต้องการในการผลิตของไทย ส่วนสินค้าสุขภาพ เคมีภัณฑ์ หรือสินค้าในชีวิตประจำวันที่ส่งผลต่อเอสเอ็มอีไทยมีไม่เกิน 20% ผู้ประกอบการชาวจีนที่ลงทะเบียนกับสถานทูตกว่า 1,000 ราย เท่าที่ทูตได้คุยด้วยพบว่า ส่วนใหญ่จ้างงานคนไทยกว่า 90% และสร้างอุปทานในท้องถิ่น 

เพื่อให้เห็นภาพชัดเจน ทูตยกตัวอย่างกรณีแผงโซลาร์เซลล์ ไทยนำเข้าแผ่นซิลิคอนจากจีนปีละกว่า 1พันล้านดอลลาร์ แต่ส่งออกโซลาร์เซลล์ได้ปีละ 4.5 พันล้านดอลลาร์ 

“ผมได้ยินมีคนบอกว่าต้องต่อต้านทุนจีน ผมไม่ทราบว่าเขารักษาผลประโยชน์ของประเทศไทยหรือประเทศจีนกันแน่” ทูตหานกล่าวและว่าในปีหน้าจะครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตจีน-ไทย เชื่อว่าความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศจะพัฒนาได้ดียิ่งๆ ขึ้นไป