'เศรษฐีจีน’ จนลง ช้ำจากตลาดหุ้น สวนทาง 'เศรษฐีสหรัฐ' มั่งคั่งทวีคูณ
ทรัพย์สินกลุ่ม ‘เศรษฐีจีน’ จนลง 10% ช้ำจากตลาดหุ้นตกต่ำ-เศรษฐกิจชะลอตัว ‘ลี กาชิง-แจ็ค หม่า’ ยังเกือบไม่รอด สวนทางเศรษฐีสหรัฐอย่าง 'อีลอน มัสก์' กับ 'เจฟฟ์ เบซอส' มั่งคั่งทวีคูณ รวยเพิ่มขึ้น 5 แสนล้านดอลลาร์
KEY
POINTS
- ความมั่งคั่งรวมของกลุ่มคนรวยที่สุดในจีนหดตัวลง 10% จำนวนมหาเศรษฐีจีนลดลง 12% เหลือเพียง 1,094 คนในปีนี้
-
ในระยะเวลาเพียง 26 ปี ประเทศจีนมีผู้ที่ร่ำรวยที่สุดเปลี่ยนหมุนเวียนกันถึง 18 คน สะท้อนให้เห็นถึงพลวัตและการเติบโตอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจจีน
-
สหรัฐยังคงเป็นบ้านของมหาเศรษฐีจำนวนมากที่สุดในโลก โดยมีมหาเศรษฐีทั้งหมด 801 คน ความมั่งคั่งทั้งกลุ่ม เพิ่มขึ้น 5 แสนล้านดอลลาร์ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา
ภาวะเศรษฐกิจผันผวนและตลาดหุ้นตกต่ำส่งผลให้มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกลุ่มคนรวยที่สุดในจีน (เศรษฐีจีน) ลดลงอย่างรวดเร็วในปีที่ผ่านมา ตามรายงานของ Hurun Research Institute ระบุว่า ความมั่งคั่งรวมของกลุ่มคนรวยที่สุดในจีนหดตัวลง 10% เมื่อเทียบกับปีก่อน มูลค่ารวมเหลือเพียง 2.97 ล้านล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 91 ล้านล้านบาท
มหาเศรษฐีจีนที่มีทรัพย์สินสุทธิเกิน 5,000 ล้านหยวน หรือประมาณ 2.3 หมื่นล้านบาท มีจำนวนลดลง 12% จาก 1,241 คนในปีที่แล้ว เหลือเพียง 1,094 คนในปัจจุบัน ณ วันที่ 30 สิงหาคม 2567
รูเพิร์ต ฮูเกเวิร์ฟ ประธานและหัวหน้านักวิจัยของ Hurun เปิดเผยว่า เศรษฐกิจจีนกำลังเผชิญกับแรงกดดันอย่างหนัก และตลาดหุ้นก็ดิ่งลงต่อเนื่อง ส่งผลให้จำนวนมหาเศรษฐีจีนลดลงติดต่อกันเป็นปีที่ 3 แล้ว
ตัวเลขล่าสุดเผยให้เห็นว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 ต่ำกว่าเป้าหมายที่รัฐบาลตั้งไว้ที่ 5% ปัญหาหลักมาจากภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ซบเซาและกำลังซื้อของผู้บริโภคที่อ่อนแอ นอกจากนี้ ตลาดหุ้นจีนและตลาดห้นฮ่องกงก็ยังคงดิ่งลงอย่างต่อเนื่อง โดยดัชนี Shanghai Composite ลดลง 8.9% และ Hang Seng ลดลง 2.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
หลังจากที่รัฐบาลจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนในช่วงปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา ตลาดหุ้นและอสังหาริมทรัพย์ก็เริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวบ้าง แต่ความแข็งแกร่งของการฟื้นตัวครั้งนี้ยังคงเป็นที่น่าสงสัย นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงจับตามองและรอคอยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากรัฐบาลจีน
ในบรรดาคนจีนที่ร่ำรวยที่สุด 1,094 คน มีเพียง 331 คน หรือ 30% เท่านั้นที่รายงานว่าทรัพย์สินสุทธิของตนเพิ่มขึ้น ในขณะที่ 967 คนมีทรัพย์สินลดลง ตามรายชื่อดังกล่าว
ตัวเลข 'เศรษฐีจีน' สะท้อนเศรษฐกิจจีน
“จาง อี้หมิง” ผู้ก่อตั้ง TikTok ขึ้นแท่นมหาเศรษฐีอันดับ 1 ของจีน! หลังจากที่มูลค่าทรัพย์สินสุทธิเพิ่มขึ้นถึง 43% ทำให้ตอนนี้เขามีทรัพย์สินรวมกว่า 49,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลให้เจ้าของ TikTok คนนี้ขยับขึ้นมาเป็นบุคคลที่รวยที่สุดในจีน
รูเพิร์ต ฮูเกเวิร์ฟชี้ให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในเศรษฐกิจจีน โดยกล่าวว่า "จาง อี้หมิง เป็นมหาเศรษฐีอันดับ 1 รายที่ 18 ของประเทศจีนในรอบ 26 ปีที่เราทำการสำรวจ"
นั่นหมายความว่า ในระยะเวลาเพียง 26 ปี ประเทศจีนมีผู้ที่ร่ำรวยที่สุดเปลี่ยนหมุนเวียนกันถึง 18 คนแล้ว
จีนมีแตกต่างอย่างมากกับสหรัฐที่มีมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งเพียง 4 คนเท่านั้น ได้แก่ บิล เกตส์, วอร์เรน บัฟเฟตต์, เจฟฟ์ เบโซส และอีลอน มัสก์ การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งในจีนสะท้อนให้เห็นถึงพลวัตและการเติบโตอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจจีนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
“จง ซานซาน” มหาเศรษฐีเจ้าของบริษัทน้ำดื่ม Nongfu Spring หลุดจากตำแหน่งคนรวยที่สุดในจีน หลังทรัพย์สินหดตัวลงถึง 24% เหลือ 47,900 ล้านดอลลาร์ ทำให้เขาหล่นไปอยู่อันดับ 2 ของประเทศ
อาณาจักรธุรกิจของ “ลี กาชิง” เองก็เผชิญแรงกดดัน รวมถึงวิกเตอร์ ลี ลูกชายคนโตวัย 60 ปีผู้สืบทอดธุรกิจ ต่างประสบปัญหาทรัพย์สินหดตัวลงในปีนี้ แม้ว่าจะยังคงเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในฮ่องกง แต่ก็หลุดจาก 5 อันดับแรกของรายชื่อ Hurun ไป โดยมีทรัพย์สินลดลง 5% จากปีก่อน เหลือ 28,200 ล้านดอลลาร์รั้งอันดับที่ 6 ร่วมกัน
แม้ว่า “แจ็ค หม่า” จะยังคงเป็น 1 ใน 10 บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก แต่ทรัพย์สินส่วนตัวของเขาก็ลดลง 3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนเหลือ 23,200 ล้านดอลลาร์
“โรบิน เจิ้ง หยู่คุน” ผู้ก่อตั้งบริษัทผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง Contemporary Amperex Technology หรือ CATL ก็มีสินทรัพย์ลดลง ถึง 20% ในปีที่ผ่านมา เหลือเพียง 28,200 ล้านดอลลาร์ ทำให้เขาหล่นมา 2 อันดับ ไปอยู่อันดับที่ 6 ร่วม
‘สหรัฐ’ ครองตำแหน่งมหาเศรษฐีมากที่สุดในโลก
ขณะที่ตลาดหุ้นจีนซบเซาลงพร้อมกับสภาพเศรษฐกิจ ตลาดหุ้นสหรัฐกลับแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับแรงหนุนจากการลงทุนในภาคเทคโนโลยี
สหรัฐยังคงเป็นบ้านของมหาเศรษฐีจำนวนมากที่สุดในโลก โดยมีมหาเศรษฐีทั้งหมด 801 คน ซึ่งมีมูลค่าทรัพย์สินรวมกันสูงถึง 6.22 ล้านล้านดอลลาร์
แม้ว่าจำนวนมหาเศรษฐีทั้งหมดลดลง 11 ราย ณ วันที่ 13 กันยายน 2567 เมื่อเทียบกับเดือนเมษายนที่ Forbes เผยแพร่รายชื่อมหาเศรษฐีโลกประจำปีครั้งที่ 38 แต่ความมั่งคั่งทั้งหมดของกลุ่มมหาเศรษฐีกลับเพิ่มขึ้น 500 พันล้านดอลลาร์ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา
5 อันดับมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในโลก
-
อีลอน มัสก์ เจ้าของบริษัทเทคโนโลยีชื่อดังอย่าง Tesla, X (เดิมคือ Twitter) และ SpaceX ครองตำแหน่งบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกด้วยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิสูงถึง 2.5 แสนล้านดอลลาร์
-
เจฟฟ์ เบซอส ผู้ก่อตั้ง Amazon บริษัทอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ ยังคงรักษาตำแหน่งในกลุ่มผู้มีอันดับต้น ๆ ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 2 แสนล้านดอลลาร์
- แลร์รี เอลลิสัน เจ้าของบริษัท Oracle ผู้นำด้านฐานข้อมูลและซอฟต์แวร์ ได้ขยับขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 3 ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 1.9 แสนล้านดอลลาร์ แซงหน้ามาร์ก ซักเคอร์เบิร์กไปอย่างฉิวเฉียด
- มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้ง Meta (เดิมคือ Facebook) ยังคงเป็นหนึ่งในบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 1.8 แสนล้านดอลลาร์
- วอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนชื่อดังและซีอีโอของ Berkshire Hathaway ครองอันดับที่ 5 ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 1.41 แสนล้านดอลลาร์
กลุ่มมหาเศรษฐีพันล้านดอลลาร์สหรัฐ กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว ณ ปัจจุบัน มีมหาเศรษฐีที่ครอบครองทรัพย์สินมากกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ ถึง 12 คนแล้ว ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา
อ้างอิง SCMP , inequality