'อินเดีย' อาจจะขึ้นมาแทน 'จีน' เป็นผู้ส่งออกสินค้ารายใหญ่ไปสหรัฐ

'อินเดีย' อาจจะขึ้นมาแทน 'จีน'  เป็นผู้ส่งออกสินค้ารายใหญ่ไปสหรัฐ

นักเศรษฐศาสตร์เผยการเลือกตั้งสหรัฐอาจเป็นตัวแปรสำคัญให้ 'อินเดีย' ขึ้นมาแทนที่ 'จีน' ไม่ว่าใครจะชนะเลือกตั้งก็ตาม

สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า ผู้เชี่ยวชาญชาวอินเดียมองว่าการเลือกตั้งสหรัฐ จะเป็นปัจจัยสำคัญต่อการค้า การย้ายถิ่นฐาน นโยบายพลังงาน และความสัมพันธ์ด้านการป้องกันประเทศระหว่าง "อินเดียและสหรัฐ"

โดยหากรองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส ชนะเลือกตั้งในวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ จะสานต่อแนวทางพหุภาคีของรัฐบาลไบเดน โดยจะสนับสนุนความร่วมมือในภูมิภาคและส่งเสริมความสัมพันธ์ทางการค้ากับอินเดีย ซึ่งเห็นได้จากการค้าที่เติบโตภายใต้การบริหารของเธอ

อย่างไรก็ตาม หากอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะอาจฟื้นมาตรการภาษีศุลกากรและใช้นโยบายกีดดันทางการค้า ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกของอินเดีย 

ก่อนหน้านี้เขาเคยขนานนามอินเดียว่า “ราชาแห่งภาษีศุลกากร” แต่การดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของเขาอาจช่วยให้อินเดียสามารถแทนที่การนำเข้าของจีนในสหรัฐได้ แม้ว่าจะมีความเสี่ยงด้านการค้าก็ตาม เนื่องจากทรัมป์เคยขู่จะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีน 60 % หรือในอัตรา 100 % หรือแม้แต่ 200% หากจีนบุกเกาะไต้หวัน ในขณะที่เขาขู่จะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากประเทศอื่นๆประมาณ 10-20 %

ในด้านการย้ายถิ่นฐาน หรือคนเข้าเมือง  แฮร์ริสสนับสนุนการขยายวีซ่า (H-1B) สำหรับทำงานชั่วคราว ซึ่งมีความสำคัญต่อธุรกิจไอทีของอินเดีย ขณะที่ทรัมป์อาจเข้มงวดกฎเกณฑ์สำหรับแรงงานไร้ฝีมือ ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่หลากหลายสำหรับมืออาชีพชาวอินเดีย

สำหรับในด้านการป้องกันประเทศ แฮร์ริสเน้นที่พันธมิตรอินโด-แปซิฟิก ในขณะที่ทรัมป์สนับสนุนกลุ่ม "ควอด" (Quad) เป็นกลุ่มจตุภาคีระหว่างประเทศออสเตรเลีย อินเดีย ญี่ปุ่น และสหรัฐ ซึ่งทั้งสองกลุ่มนี้ช่วยเสริมศักยภาพด้านการป้องกันประเทศของอินเดีย

ทั้งนี้ในอดีต อินเดียได้สร้างความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับรัฐบาลของทั้งพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครต โดยนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี สร้างความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับทรัมป์และกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคีให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นภายใต้การนำของไบเดน

แม้ว่าทรัมป์จะยกย่องโมดี แต่คำพูดของเขาเกี่ยวกับภาษีศุลกากรก็ชี้ให้เห็นถึงความขัดแย้งทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยหากชนะก็จะทำให้เกิดการต่อรองทางการค้าที่เข้มงวดยิ่งขึ้นเกี่ยวกับการใช้อัตราภาษีศุลกากรแบบ “ตอบแทน” ซึ่งกันและกัน 

ด้านมรดกทางวัฒนธรรมอินเดียของแฮร์ริสไม่สะท้อนถึงชาวอินเดียมากนัก เนื่องจากตัวตนในที่สาธารณะของเธอเอนเอียงไปทางรากเหง้าแอฟริกันและแคริบเบียนจากพ่อของเธอที่เป็นชาวจาเมกา มากกว่า ซึ่งต่างจากอดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ริชี ซูแนค แฮร์ริสไม่ได้ให้ความสำคัญกับภูมิหลังที่เป็นชาวอินเดียมากนัก