รถอีวีจีนเบียดหนัก 'โตโยต้า' กำไรร่วง 20%

รถอีวีจีนเบียดหนัก 'โตโยต้า' กำไรร่วง 20%

Toyota กำไรรายไตรมาสลดลงครั้งแรกในรอบ 2 ปี ดิ่งหนักเกือบ 20% หลังเจอการแข่งขันจาก 'ค่ายรถยนต์จีน' อย่างรุนแรง

บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ (Toyota) ค่ายรถยนต์รายใหญ่ของโลกจากญี่ปุ่น รายงานผลประกอบการไตรมาสเดือน ก.ค.-ก.ย. ทำกำไรจากการดำเนินงานลดลงถึง
20%
เมื่อเทียบไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว อยู่ที่ 1.16 ล้านล้านเยน (ราว 2.58 แสนล้านบาท) และยังเป็นกำไรรายไตรมาสที่ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปีด้วย จาก
ปัญหายอดขายและการผลิตที่ลดลงใน 2 ตลาดใหญ่คือ ญี่ปุ่นและสหรัฐ ทำให้สถานการณ์พลิกจากที่เคยสดใสเมื่อช่วงต้นปี 

ทั้งนี้ โตโยต้ายังได้ปรับลดเป้าหมายการผลิตรถยนต์ในปีงบประมาณปัจจุบันลง 1% มาอยู่ที่ 10.85 ล้านคัน หรือลดลงจากปีก่อน 2.4 แสนคัน แต่ยังคงคาดการณ์กำไรจากการดำเนินงานของปีงบประมาณปัจจุบันเอาไว้เหมือนเดิมที่ 4.3 ล้นล้านเยน (ราว 9.6 แสนล้านบาท)

รอยเตอร์สระบุว่า ค่ายรถยนต์ที่ขายดีที่สุดของโลกรายนี้ทำกำไรได้เป็นประวัติการณ์มาจนถึงต้นปี 2567 โดยเน้นไปที่กลุ่มรถยนต์ไฮบริดซึ่งตอบโจทย์ผู้บริโภคมากกว่าเมื่อเทียบกับรถยนต์ไฟฟ้าล้วนที่แพงกว่าในยุคเงินเฟ้อ 

แต่ปัญหาด้านคุณภาพของกลุ่มธุรกิจรถบรรทุกและรถบัสในแบรนด์ลูกอย่าง "ฮีโน่ มอเตอร์ส" (Hino Motors) รวมถึงการแข่งขันที่รุนแรงจาก "แบรนด์จีน" ในตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และการระงับการผลิตรถยนต์สองรุ่นในสหรัฐ ทำให้ยอดขายของบริษัทเริ่มชะลอตัวลงในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ญี่ปุ่นซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่สุดของโตโยต้า มีกำไรร่วงลงถึง 28% เนื่องจากยอดขายที่ลดลงมาก เช่นเดียวกับในตลาดสหรัฐ ส่วนใน "จีน" มีรายได้จากการดำเนินงานที่ลดลงในช่วงครึ่งแรกของปีงบฯ ปัจจุบัน เนื่องจากค่าการตลาดที่สูงขึ้นและการแข่งขันที่รุนแรงจากบรรดาค่ายรถยนต์สัญชาติจีน

โตโยต้าให้คำมั่นว่าจะลดการให้แรงจูงใจและปรับปรุงการผลิตในช่วงครึ่งหลังของปีงบประมาณที่จะสิ้นสุดในเดือนมีนาคม 2025 โดยจะเดินหน้าทบทวน
เรื่องกระบวนการขอใบรับรองและปัญหาที่เกี่ยวข้องกับคุณภาพ

“โรงงานของเราในอินเดียนาในสหรัฐซึ่งได้หยุดดำเนินการบางส่วน ได้กลับมาดำเนินการอีกครั้งในเดือนที่แล้ว และในช่วงครึ่งหลังของปีงบประมาณนี้ เราคาดว่าจะกลับมาผลิตได้ในอัตราราว 10 ล้านคันต่อปีทั่วโลก” โยอิจิ มิยาซากิ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน (ซีเอฟโอ) ของโตโยต้ากล่าว