'ไบเดน-สี จิ้นผิง' เห็นพ้องให้มนุษย์คุมอาวุธนิวเคลียร์ ไม่ใช่เอไอ
ทำเนียบขาวเผย ประธานาธิบดีโจ ไบเดน และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เห็นตรงกันว่า ควรให้มนุษย์ตัดสินใจใช้อาวุธนิวเคลียร์ไม่ใช่เอไอ
สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานถ้อยแถลงจากทำเนียบขาว กล่าวถึงการพบกันระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดน และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน นอกรอบการประชุมผู้นำความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก (เอเปค) ที่กรุงลิมา ประเทศเปรู เมื่อวันเสาร์ (16 พ.ย.)
“ผู้นำทั้งสองยืนยันถึงความจำเป็นที่มนุษย์ควบคุมการตัดสินใจใช้อาวุธนิวเคลียร์ต่อไป ทั้งยังย้ำถึงความจำเป็นต้องพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นและการพัฒนาเทคโนโลยีเอไอในการทหารต้องกระทำอย่างระมัดระวังและรับผิดชอบ”
เจ้าหน้าที่รัฐบาลจีนรายหนึ่งสรุปการประชุมให้รอยเตอร์สฟังสอดคล้องกับที่ทำเนียบขาวแถลง ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศจีนยังไม่ให้ความเห็นกับรอยเตอร์ส
ทั้งนี้ ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าถ้อยแถลงดังกล่าวจะนำไปสู่การพูดคุยเพิ่มเติมหรือการกระทำเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ถือเป็นครั้งแรกที่สองประเทศหารือกันในสองประเด็นที่ยังไม่คืบหน้า ทั้งเรื่องอาวุธนิวเคลียร์และปัญญาประดิษฐ์ (AI)
รัฐบาลวอชิงตันผลักดันมาหลายเดือนให้ปักกิ่งยอมคุยเรื่องอาวุธนิวเคลียร์เสียที เดือน พ.ย.เคยคุยกันระดับเจ้าหน้าที่ครั้งหนึ่งแล้วก็ชะงักมาตั้งแต่นั้นเมื่อเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐแสดงออกว่าไม่พอใจกับการตอบสนองของจีน
อย่างไรก็ตาม การหารืออย่างเป็นทางการเรื่องการควบคุมอาวุธนิวเคลียร์ไม่น่าจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ แม้สหรัฐกังวลเรื่องที่จีนสร้างเสริมอาวุธนิวเคลียร์อย่างรวดเร็ว แม้ทั้งสองฝ่ายจะกลับมาแลกเปลี่ยนกันอย่างกึ่งทางการแล้วก็ตาม
ในเรื่องเอไอ จีนและสหรัฐ เคยเปิดการประชุมทวิภาคีอย่างเป็นทางการครั้งแรกในเดือน พ.ค.ที่นครเจนีวา แต่การพูดคุยดังกล่าวไม่น่าจะแตะเรื่องการตัดสินใจเกี่ยวกับอาวุธนิวเคลียร์
กระทรวงกลาโหมสหรัฐประเมินในปี 2566 ว่า ปักกิ่งมีหัวรบนิวเคลียร์ ที่ใช้งานได้500 ลูก และอาจเพิ่มเป็นกว่า 1,000 ลูกภายในปี 2030
เปรียบเทียบสหรัฐและรัสเซียที่ 1,770 ลูก และ 1,710 ลูกตามลำดับ เพนตากอนกล่าวด้วยว่า ภายในปี 2030 หัวรบส่วนใหญ่ของปักกิ่งอาจมีความพร้อมเพิ่มมากขึ้น
ตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมาจีนพัฒนาโครงการนิวเคลียร์ให้ทันสมัย เริ่มผลิตเรือดำน้ำติดขีปนาวุธรุ่นใหม่ทดสอบหัวรบยานร่อนความเร็วเหนือเสียง และปฏิบัติการลาดตระเวนทางทะเลด้วยอาวุธนิวเคลียร์เป็นประจำ
การมีอาวุธนิวเคลียร์ทั้งบนบก ในอากาศและในทะเลทำให้จีนมี “นิวเคลียร์สามเส้า” หมุดหมายสำคัญของการเป็นมหาอำนาจนิวเคลียร์
จีนนั้นไม่เคยเปิดเผยรายละเอียดคลังแสงอย่างเป็นทางการ แต่ยังคงนโยบายไม่ใช้นิวเคลียร์ก่อน และรักษาการป้องปรามด้วยนิวเคลียร์ในระดับต่ำสุด ปีนี้ทางการจีนเรียกร้องให้มหาอำนาจอื่นๆ ใช้จุดยืนแบบเดียวกัน
ระหว่างการแลกเปลี่ยนกึ่งทางการครั้งล่าสุดกับนักวิชาการและอดีตเจ้าหน้าที่ของสหรัฐ นักวิชาการจีนกล่าวว่า นโยบายของจีนยังไม่เปลี่ยนแปลง และว่าตะวันตกประเมินจีน “เกินจริง”
ปีนี้รัฐบาลไบเดนปรับปรุงคู่มือลับการใช้นิวเคลียร์โฆษกทำเนียบขาวเคยกล่าวก่อนหน้านี้ว่า การปรับปรุง “ไม่ได้เป็นการตอบโต้บุคคล ประเทศ หรือภัยคุกคามใดๆ” แม้มีความกังวลเรื่องคลังแสงนิวเคลียร์จีน เกาหลีเหนือ และรัสเซีย