‘ทองคำ’ ดิ่ง 7% ตั้งแต่ทรัมป์ชนะ ร่วงแรงสุดในปีที่มีการเลือกตั้ง
‘ทองคำ’ ดิ่ง 7% ตั้งแต่ทรัมป์ชนะร่วงแรงสุดในปีที่มีการเลือกตั้งทั้ง 13 ครั้ง เพราะนักลงทุนชอบความเสี่ยง สนใจ ‘หุ้น-คริปโท’ ในระยะยสั้น Goldman Sachs คาดราคาแตะ 3,000 ดอลลาร์สิ้นปี 68
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ราคา“ทองคำ” ร่วงลงอย่างหนักเกือบ 7% หลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐภายใน 2 วันที่ “โดนัล ทรัมป์” คว้าชัยชนะ จาก 2,742 ดอลลาร์ต่อออนซ์ มาอยู่ที่จุดต่ำสุดในรอบเดือนที่ 2,543 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตามข้อมูลของธนาคารดอยช์แบงก์นี่นับเป็นการลดลงที่รุนแรงที่สุดในรอบ 13 ครั้งของการเลือกตั้ง
ขณะที่สินทรัพย์อื่น ๆ หลายประเภทกลับปรับตัวสูงขึ้นหลังจากสิ้นสุดแคมเปญหาเสียง นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าการเปลี่ยนแปลงนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ อาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อราคาทองคำในครั้งนี้
นักลงทุนชอบ ‘ความเสี่ยง’
ร็อบ ฮอว์เวิร์ธ ผู้อำนวยการอาวุโสด้านกลยุทธ์การลงทุนของธนาคาร US Bank ได้ให้ความเห็นว่า ทองคำมักเป็นตัวเลือกสุดท้ายที่นักลงทุนหันมาพึ่งพาเมื่อสินทรัพย์อื่นๆ ไม่สามารถสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ตลาดหุ้นผันผวนและอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ นักลงทุนมักมองหาสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยและสามารถรักษามูลค่าได้ในระยะยาว เช่น ทองคำ
แมตต์ มิสกิน จาก John Hancock Investment Management ได้ให้ความเห็นว่า ทองคำอาจไม่ใช่ตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนในขณะนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และสถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ก็มีความเสี่ยงน้อยลง ทำให้นักลงทุนหันไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงเพื่อหวังผลตอบแทนที่สูงขึ้น ขณะที่ทองคำซึ่งมักถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย จะได้รับความสนใจน้อยลงในช่วงที่เศรษฐกิจเฟื่องฟู
โยกเงินไหลเข้า ‘คริปโท’
เจย์ แฮตฟิลด์ จาก Infrastructure Capital Advisors แสดงความเห็นว่า นักลงทุนกำลังมองหาโอกาสในการลงทุนที่นอกเหนือจากทองคำ โดยหันไปสนใจสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น สกุลเงินดิจิทัล และหุ้น
สกุลเงินดิจิทัลพุ่งสูงขึ้นตั้งแต่วันเลือกตั้งท่ามกลางความคาดหวังว่านโยบายของทรัมป์จะช่วยหนุนสินทรัพย์ดิจิทัลสินทรัพย์รวมของ iShares Bitcoin Trust ETF ซึ่งเป็นกองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยน Bitcoin ของ BlackRock Inc. พุ่งสูงเกิน 4 หมื่นล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรกเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา การพุ่งสูงดังกล่าวเกิดขึ้นพร้อมกับการไหลออกอย่างรวดเร็วของ SPDR Gold Shares ซึ่งเป็นกองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยนทองคำที่มีการหนุนหลังทางกายภาพที่ใหญ่ที่สุดในโลก
“หากทรัมป์ได้รับชัยชนะ สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือ เราน่าจะได้เห็นการกำกับดูแลสกุลเงินดิจิทัลน้อยลง ซึ่งน่าจะทำให้มีเงินทุนไหลออกจากทองคำบ้าง ดังนั้นการเก็งกำไรอาจไหลเข้าสู่ตลาดสกุลเงินดิจิทัลในตอนนี้” คริสตินา ฮูเปอร์หัวหน้านักวิเคราะห์ตลาดโลกของ Invesco Advisers กล่าว
คาดทะยานแตะ 3,000 ดอลลาร์
ทองคำยังมีโอกาสเติบโตได้อีกในระยะยาว หากนโยบายภาษีของทรัมป์มีแนวโน้มที่จะส่งผลให้เกิดการขาดดุลและเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นในที่สุด ซึ่งอาจกระตุ้นให้เกิดการซื้อทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้ออีกครั้ง
หากการดำรงตำแหน่งสมัยที่สองของทรัมป์ก่อให้เกิดความวุ่นวายในการค้าโลกและภูมิรัฐศาสตร์ อาจทำให้ธนาคารกลางต่างๆ เช่น ธนาคารในจีนและรัสเซียยังคงซื้อทองคำต่อไปเพื่อกระจายความเสี่ยงจากระบบสำรองดอลลาร์
ดาน สตรอยเวน นักวิเคราะห์จาก Goldman Sachs ได้ออกมาเปิดเผยถึงแนวโน้มราคาทองคำจะพุ่งทะยานแตะระดับ 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ภายในสิ้นปี 2568
"การที่ธนาคารกลางทั่วโลกหันมาซื้อทองคำมากขึ้นบวกกับนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายของเฟด จะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ"