ไฟเขียวยูเครนใช้ขีปนาวุธสหรัฐ ไบเดนจริงใจหรือวางยาทรัมป์

ไฟเขียวยูเครนใช้ขีปนาวุธสหรัฐ   ไบเดนจริงใจหรือวางยาทรัมป์

ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐ อนุญาตให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกล ATACMS โจมตีลึกเข้าไปในรัสเซียได้ ถือเป็นการเปลี่ยนท่าทีที่สำคัญ แต่การตัดสินใจนี้ช้าเกินไปหรือไม่ มีเหตุผลอธิบายสองสามประการ

KEY

POINTS

ประการที่ 3 การอนุญาตให้ใช้ขีปนาวุธแม่นยำสูงของสหรัฐโจมตีในดินแดนรัสเซีย เทียบเท่ากับการยั่วยุ 

เป็นความจริงว่าตอนนี้การทหารของรัฐบาลมอสโกค่อนข้างอ่อนแอ และไม่มีทีท่าว่าอยากขัดแย้งเต็มตัวกับนาโตหรือสหรัฐ แต่ในบางจุดทำเนียบเครมลินก็พยายามฟื้นฟูการป้องปราม หน่วยข่าวกรองรัสเซียถูกกล่าวหาว่าทำการจารกรรมพลเรือนทั่วยุโรป  เช่น รายงานข่าวล่าสุดเรื่องเครื่องบินขนส่งสินค้าหลายลำในยุโรปมีวัตถุระเบิดแฝงอยู่

ซีเอ็นเอ็นระบุ รัฐบาลไบเดนทำถูกแล้วที่ต้องชั่งน้ำหนักเรื่องการโจมตีจากทางไกล กับโอกาสที่ความเสียหายจะตกแก่พลเรือนในรัฐสมาชิกนาโต ถ้ารัสเซียรู้สึกว่าต้องตอบโต้

การตัดสินใจตอบสนองข้อเรียกร้องของรัฐบาลเคียฟจึงไม่ง่ายอย่างที่กองเชียร์ยูเครนบางคนอ้าง เป้าหมายที่กว้างกว่านั้นดูเหมือนเป็นการทำให้รัฐบาลไบเดนเข้ามาเกี่ยวข้องกับสงครามของยูเครนมากขึ้น

แต่ทำเนียบขาวย้ำว่า การส่งทหารเกาหลีเหนือเข้าไปในภูมิภาคเคิร์สก์ของรัสเซียต่างหากเล่าที่ทำให้ต้องตัดสินใจเช่นนี้ สหรัฐจำต้องตอบโต้การขยายวงสงครามของรัฐบาลมอสโก

ทางการชาติตะวันตกตั้งข้อสังเกตว่า การส่งทหารเกาหลีเหนือเข้าไปหมายถึงความขัดแย้งขยายตัว ปรปักษ์ของสหรัฐในอินโดแปซิฟิกกำลังมีบทบาททำให้สงครามขยายวงขึ้นเล็กน้อยไปสู่ระดับโลกในมุมมองของสหรัฐ ซึ่งไบเดนมองว่า นี่คือการขยายวงที่ต้องรับมือ

แต่ในความเป็นจริงเขาตัดสินใจอนุญาตครั้งที่มีความหมายพิเศษนี้ล่าช้าเพียงแค่ต้องการให้เมื่อตัดสินใจออกไปแล้วมีพลังมากยิ่งขึ้น 

ซีเอ็นเอ็นสรุปว่า ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อาจคิดว่าเขาสามารถเจรจาสันติภาพได้ แต่เขาต้องรับมรดกสงครามไปด้วย ซึ่งเดิมพันเพิ่งจะสูงขึ้นอย่างมาก

โดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ บุตรชายคนโตของทรัมป์ โพสต์ผ่านโซเชียลมีเดียว่า รัฐบาลไบเดนเริ่มสงครามโลกครั้งที่ 3 ก่อนที่บิดาของเขาจะรับตำแหน่งในเดือน ม.ค.

“ดูเหมือนว่ากลุ่มอุตสาหกรรมการทหารต้องการให้แน่ใจว่าสงครามโลกครั้งที่ 3 เกิดขึ้นก่อนที่พ่อของผมจะมีโอกาสสร้างสันติภาพและช่วยชีวิตคนได้”

สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า เมื่อยูเครนร้องขออาวุธทำเนียบขาวมักปฏิเสธอยู่นานหลายเดือน ด้วยเกรงว่าจะทำให้ความขัดแย้งขยายวง จนรัฐบาลเคียฟต้องประณามออกสื่อและดูเหมือนว่าถอดใจไปแล้ว รัฐบาลไบเดนจึงเห็นชอบ คราวนี้ก็ไม่ต่างกัน

ยูเครนเคยร้องขอขีปนาวุธ HIMARS, รถถังเอบรามส์, เครื่องบินรบ F16 ทุกครั้งสหรัฐทำในรูปแบบเดียวกันคือปฏิเสธแล้วเลี่ยงบาลี จากนั้นจึงค่อยอนุญาตในช่วงเวลาที่เกือบจะสายเกินไป

คราวนี้เกิดคำถามว่า การที่สหรัฐเพิ่งอนุญาตให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธ ATACMS โจมตีลึกเข้าไปในรัสเซีย สายเกินไปหรือไม่ คำตอบนั้นซับซ้อนและอาจอธิบายความลังเลบางประการของรัฐบาลไบเดนได้

ประการแรก อุปทานATACMS ที่จะให้ยูเครนมีจำกัด ต่อให้รัฐบาลเคียฟใช้โจมตีลึกเข้าไปในรัสเซียด้วยพิสัยทำการของATACMS ที่ 100 กิโลเมตร ก็ไม่เปลี่ยนแปลงสถานการณ์ในสนามรบได้เพียงชั่วข้ามคืน

หลังจากรัฐบาลไบเดนได้ให้ข้อมูลสรุปว่า สนามบินรัสเซียหลายแห่งที่อยู่ในพิสัยทำการของ ATACMS ย้ายเครื่องบินโจมตีเข้าไปในพื้นที่ไกลขึ้น สถาบันเพื่อการศึกษาสงครามระบุเป้าหมายในรัสเซียที่อยู่ในพิสัยทำการของ ATACMS ได้หลายร้อยเป้าหมาย แต่แท้จริงแล้วยูเครนไม่ได้มีขีปนาวุธนี้มากพอจะเปลี่ยนวิถีแห่งสงครามได้

ประการที่ 2 ยูเครนสามารถใช้อาวุธที่ผลิตเองและโดรนราคาถูกโจมตีในรัสเซียได้ ซึ่งสหรัฐเห็นชอบช่วยให้ทุนสนับสนุนพัฒนาอาวุธเหล่านี้ ที่ดูเหมือนสร้างความเสียหายให้กับสนามบินมอสโกและโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของรัสเซียหลายแห่ง