หุ้น Xpeng อีวีแบรนด์จีนพุ่ง 93% หลังรถไฟฟ้ารุ่นใหม่ฟังก์ชัน AI ขายดีเกินคาด
หุ้น Xpeng อีวีแบรนด์จีนพุ่ง 93% จากจุดต่ำสุดในเดือน ส.ค.
หลังรถไฟฟ้ารุ่นใหม่ P7+ ราคาดีฟังก์ชันโดน ขายดีเกินคาด ทะลุ 31,500 คันภายในเวลาเพียง 3 ชั่วโมง แต่อัตรากำไรยังไม่เข้าเป้า
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานถึงความเคลื่อนไหวของ “เสี่ยวเผิง” Xpeng ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากจีน ที่มีราคาหุ้นเติบโตอย่างรวดเร็วโดยเพิ่มขึ้นถึง 93% จากจุดต่ำสุดในเดือนส.ค.ที่ผ่านมา จากการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่มีราคาเข้าถึงได้และฟังก์ชันการขับขี่อัตโนมัติที่น่าสนใจ ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้บริโภค
Xpeng มีฐานการผลิตอยู่ในเมืองกว่างโจว สร้างสถิติใหม่ในการส่งมอบรถยนต์ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 5 ติดต่อกัน ซึ่งเป็นผลมาจากการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ที่มีเทคโนโลยีทันสมัยและราคาที่เข้าถึงได้มากขึ้น แม้ว่าบริษัทยังคงเผชิญกับความท้าทายในด้านผลกำไร แต่ความสำเร็จในการขยายฐานลูกค้าบ่งชี้ถึงศักยภาพในการเติบโตในระยะยาว
รถอีวีที่มีฟังก์ชัน AI ในราคาต่ำ 3 หมื่นดอลลาร์
ยอดสั่งซื้อรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่พุ่งทะลุ 31,500 คันภายในเวลาเพียง 3 ชั่วโมงสำหรับรุ่น P7+ ที่มีราคาเริ่มต้นที่ 26,000 ดอลลาร์ หรือราว 9 แสนบาท ที่มาพร้อมระบบกล้อง AI ขณะที่รุ่น Mona M03 ที่มีราคาคาราว 5.1 แสนบาท ซึ่งเปิดตัวไปก่อนหน้านี้ก็ได้รับการตอบรับอย่างดีเช่นกัน ด้วยยอดสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ขณะนี้ Xpeng กำลังขยายตลาด ไปที่กลุ่มรถยนต์ราคาปานกลางถึงล่าง โดยเน้นย้ำถึงเทคโนโลยีการขับขี่อัจฉริยะที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ บริษัทได้ทุ่มเททรัพยากรในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี AI รวมถึงการสร้างชิปและหุ่นยนต์ของตนเอง
อัตรากำไรยังไม่เข้าเป้า
ยอดส่งมอบของ Xpeng ในช่วงสิบเดือนแรกของปี 2567 จะเพิ่มขึ้น 21% จากปีก่อน แต่ยังต้องใช้เวลากว่าที่จะสามารถทำกำไรได้
แม้ว่า Xpeng จะได้รับความสนใจจากยอดจองรถยนต์รุ่นใหม่ แต่บิน หยวน ผู้จัดการกองทุนจาก Edmond de Rothschild Asset Management มองว่าบริษัทยังคงเผชิญกับความท้าทายในแง่ของผลกำไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการตั้งราคา P7+ ที่อาจส่งผลให้อัตรากำไรต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้
อย่างไรก็ตาม หยวนยังมองว่า Xpeng มีโอกาสในการเติบโตในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการเปิดตัวโมเดลใหม่ของรุ่น Mona และการขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ไปสู่รถยนต์ไฮบริดแบบเสียบปลั๊กและรถยนต์แบบขยายระยะทางในปี 2025
อ้างอิง Bloomberg