'ปูติน'ขู่จะใช้ขีปนาวุธชนิดใหม่อีกครั้ง ในการสู้รบกับยูเครน
ปูตินขู่จะใช้ขีปนาวุธชนิดใหม่อีกครั้ง หลังถล่มยูเครนหลักหน่วงเมื่อวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมา ย้ำไม่มีอะไรสามารถสกัดกั้นขีปนาวุธ Oreshnik ด้านเซเลนสกีวอนพันธมิตรช่วยปรับปรุงระบบป้องกันภัยทางอากาศ เล็ง 'ธาด/แพทริออต'
บีบีซีรายงานวันนี้ (23 พ.ย.) ว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน กล่าวว่ารัสเซียมีขีปนาวุธใหม่ทรงพลังจำนวนมาก "พร้อมใช้" โดยปูตินประกาศหนึ่งวันหลังจากที่รัสเซียได้ยิงขีปนาวุธพิสัยไกลความเร็วเหนือเสียงชนิดใหม่ใส่เมืองดนิโปรของยูเครน
ในการออกทีวีที่ไม่ได้กำหนดล่วงหน้าเมื่อวันศุกร์ (22 พ.ย.) ผู้นำรัสเซียกล่าวว่าขีปนาวุธโอเรชนิก (Oreshnik) ไม่สามารถถูกสกัดกั้นได้ และยืนยันว่าจะทำการทดสอบเพิ่มเติม รวมถึงใน "สภาพการสู้รบ" ด้วย
การใช้ขีปนาวุธโอเรชนิกของรัสเซียปิดท้ายการยกระดับสงครามที่ดำเนินมาเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งยูเครนได้ยิงขีปนาวุธพิสัยไกลของสหรัฐและอังกฤษเจาะลึกเข้าในรัสเซียเป็นครั้งแรกอีกด้วย
ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครนเรียกร้องให้บรรดาผู้นำโลก "ตอบโต้อย่างจริงจัง" เพื่อให้ปูติน "ตระหนักถึงผลที่ตามมาจากการกระทำของเขา" เขากล่าวเสริมว่าประเทศของเขาได้ขอให้พันธมิตรตะวันตกปรับปรุงระบบป้องกันภัยทางอากาศ
ตามรายงานของสำนักข่าวอินเตอร์แฟกซ์-ยูเครน กรุงเคียฟกำลังพยายามจัดหาระบบป้องกันภัยทางอากาศในบรรยากาศชั้นสูงชื่อย่อว่า "ธาด" (THAAD) ของสหรัฐ หรืออัปเกรดระบบป้องกันขีปนาวุธพิสัยไกลแพทริออต
ในการกล่าวสุนทรพจน์เมื่อวันศุกร์ ปูตินกล่าวว่าขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง Oreshnik บินด้วยความเร็ว 10 เท่าของความเร็วเสียงและเขาสั่งให้เพิ่มการผลิตขึ้น ก่อนหน้านี้เขาเคยกล่าวว่าการใช้ขีปนาวุธดังกล่าวเป็นการตอบโต้ยูเครนที่ยิงขีปนาวุธ "สตอร์มชาโดว์" (Storm Shadow) และ" อะแทคคึมส์" (Atacms) โจมตีรัสเซีย
ผู้เห็นเหตุการณ์ได้อธิบายว่าการโจมตีที่เมืองดนิโปรเมื่อวันพฤหัสบดีเป็นเรื่องผิดปกติ และทำให้เกิดการระเบิดต่อเนื่องขึ้นเป็นเวลานาน 3 ชั่วโมง การโจมตีดังกล่าวรวมถึงการโจมตีด้วยขีปนาวุธที่มีพลัง ทำลายล้างสูงจนเจ้าหน้าที่ยูเครนกล่าวในภายหลังว่ามีลักษณะคล้ายกับขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีป (ICBM)
จัสติน ครัมพ์ ซีอีโอและผู้ก่อตั้งบริษัทที่ปรึกษาความเสี่ยงซิบิลลีน (Sibylline) กล่าวกับบีบีซีว่ามอสโกน่าจะใช้การโจมตีครั้งนี้เป็นการเตือน โดยระบุว่าขีปนาวุธดังกล่าวซึ่งมีความเร็วและความก้าวหน้ามากกว่าขีปนาวุธอื่นๆ ในคลังแสงของรัสเซีย มีศักยภาพที่จะทะลวงระบบป้องกันทางอากาศของยูเครนได้
การยกระดับความรุนแรงในสัปดาห์นี้ ยังทำให้ผู้นำโลกหลายคนออกคำเตือนเกี่ยวกับทิศทางของสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนอีกด้วย
นายกรัฐมนตรีโดนัลด์ ทัสก์ของโปแลนด์กล่าวว่า สงครามกำลังเข้าสู่ช่วงชี้ขาด ซึ่งมีความเสี่ยงอย่างแท้จริงที่จะเกิดความขัดแย้งระดับโลก
ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีวิกเตอร์ ออร์บานของฮังการี กล่าวว่าฝ่ายตะวันตกควรพิจารณาคำเตือนของวลาดิมีร์ ปูติน “ตามที่เห็นเป็นประจักษ์" เนื่องจากรัสเซีย "ยึดนโยบายแสนยานุภาพทางทหารเป็นหลัก"
ด้านผู้นำเกาหลีเหนือ คิม จองอึน เตือนว่าภัยคุกคามจากสงครามนิวเคลียร์รุนแรงขึ้นอย่างที่ "ไม่เคยมีมาก่อน" และกล่าวหาสหรัฐว่ามีนโยบาย "ก้าวร้าวและเป็นศัตรู" ต่อเปียงยาง ทั้งนี้เกาหลีเหนือส่งทหารหลายพันนายไปสู้รบร่วมกับฝ่ายรัสเซีย และกองกำลังยูเครนรายงานว่าเกิดการปะทะกันในภูมิภาคเคิร์สก์ของรัสเซีย ซึ่งกองกำลังยูเครนยังยึดครองพื้นที่บางส่วนไว้
ประธานาธิบดีไบเดนของสหรัฐกล่าวว่าเขาอนุญาตให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธ Atacms พิสัยไกลโจมตีเป้าหมายภายในรัสเซีย เพื่อตอบโต้การที่รัสเซียใช้กองกำลังเกาหลีเหนือ รัสเซียเปิดฉากรุกรานยูเครนเต็มรูปแบบในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ปัจจุบันทั้งสองประเทศกำลังพยายามยึดครองความได้เปรียบในสนามรบก่อนที่โดนัลด์ ทรัมป์จะขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนมกราคม ทรัมป์ให้คำมั่นว่าจะยุติสงครามภายในไม่กี่ชั่วโมง แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดว่าจะยุติอย่างไร
ในคำปราศรัยคืนนั้น เซเลนสกียังวิพากษ์วิจารณ์ "จีน" ที่ออกมาแสดงท่าทีต่อขีปนาวุธรุ่นใหม่ของมอสโก หลังจากกระทรวงต่างประเทศของจีนกล่าวว่าทุกฝ่ายควร "สงบสติอารมณ์และใช้ความยับยั้งชั่งใจ"
"จากรัสเซีย นี่เป็นการล้อเลียนจุดยืนของประเทศต่างๆ เช่น จีน ประเทศต่างๆ ในโลกใต้ โดยที่ผู้นำบางคนเรียกร้องให้ใช้ความยับยั้งชั่งใจทุกครั้ง" เขากล่าว นอกจากนี้ เขายังวิจารณ์รัฐสภาของยูเครนที่เลื่อนการประชุมในวันศุกร์นี้ ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยภายหลังจากการโจมตีที่เมืองดนิโปร
ในโพสต์บนแพลตฟอร์มเทเลแกรม (Telegram) เขากล่าวว่า เว้นแต่จะมีสัญญาณโจมตีทางอากาศดังขึ้น ทุกคนควรทำงานตามปกติ และไม่ควรถือว่าการคุกคามของรัสเซียเป็น "การอนุญาตให้หยุดงาน"
"เสียงไซเรนดังขึ้น เราไปหาที่หลบภัย เมื่อไม่มีเสียงไซเรน เราทำงานและรับใช้ ไม่มีทางเลือกอื่นในการทำสงคราม" เขากล่าว