เช็ก 10 นิสัย ทำคนพลาดรวย ‘วอร์เรน บัฟเฟตต์’ บอกไว้

เช็ก 10 นิสัย ทำคนพลาดรวย ‘วอร์เรน บัฟเฟตต์’ บอกไว้

“วอร์เรน บัฟเฟตต์” ได้รับยกย่องเป็นเทพพยากรณ์แห่งโอมาฮา สร้างความมั่งคั่งด้วยการลงทุนอย่างชาญฉลาด ชี้นิสัย 10 ประการ ทำให้หลายคนต้องพลาดกับโอกาสความร่ำรวย มีอะไรบ้าง

“วอร์เรน บัฟเฟตต์” ได้รับยกย่องเป็นเทพพยากรณ์แห่งโอมาฮาสร้างความมั่งคั่งด้วยการลงทุนอย่างชาญฉลาด และหลีกเลี่ยงก่อปัญหาทางการเงินที่มักเกิดขึ้นกับนักลงทุนทั่วไป

ปัจจุบัน บัฟเฟตต์ มีทรัพย์สินมูลค่ามากกว่า 148 พันล้านดอลลาร์ และเส้นทางทำธุรกิจยาวนานกว่า 6 ทศวรรษ ได้ยืนยันความมั่งคั่ง และภูมิปัญญาที่ล้ำลึกในการทำธุรกิจของเขา

ความสำเร็จของบัฟเฟตต์เกิดจากความเข้าใจว่า อะไรควรทำและไม่ควรทำกับเงินของตนเอง บทความนี้จะเจาะลึกถึง นิสัย 10 ประการ ซึ่งบัฟเฟตต์ระบุว่าเป็นอุปสรรคสำคัญ ในการสร้างความมั่งคั่ง พร้อมกลับมีคำแนะนำสุดอมตะเพื่อเอาชนะนิสัยเหล่านี้

ดังนั้นไปเช็กดูกันว่า นิสัยเหล่านี้สามารถทำลายความสำเร็จทางการเงินได้อย่างไร และทางเลือกใดบ้างนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีกว่า

1. ใช้จ่ายเกินตัว เกินความจำเป็น

“อย่าออมเงินส่วนที่เหลือจากการใช้จ่าย แต่ให้ใช้จ่ายส่วนที่เหลือจากการออม”

ใจความสำคัญเรื่องนี้คือ การจัดสรรงบประมาณ โดยนำรายได้ส่วนหนึ่งเพื่อเก็บออมและลงทุน ก่อนจะใช้จ่าย ซึ่งวิธีนี้จะช่วยสร้างวินัยทางการเงิน และป้องกันไม่ให้เกิดกับดักจากการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น เมื่อรายได้สูงขึ้น

2. ไม่เก็บออม หรือลงทุนตั้งแต่เนิ่นๆ

“ถ้าวันนี้เรากำลังนั่งอยู่ใต้ต้นไม้เพื่ออาศัยร่มเงา ให้ตระหนักไว้เสมอว่า มีใครสักคนได้ปลูกไว้เมื่อนานมาแล้ว”

เวลาเป็นแรงผลักดันสำหรับการลงทุนที่ทรงพลังที่สุด แต่หลายคนกลับพลัดผ่อนการออมเงินไว้ทำในตอนแก่

เมื่อเปรียบเทียบสถานการณ์ใน 2 ช่วงอายุ หากเริ่มออมเงินตั้งแต่อายุ 25 ปี กลับการเริ่มออมเงินอายุ 35 ปี ถ้าได้ลงทุน 500 ดอลลาร์ต่อเดือนพร้อมผลกำไรตอบแทน 8% ต่อปี จะเห็นว่า การเริ่มต้นออมเงินล่วงหน้า 10 ปี จะสร้างความแตกต่างชัดเจน เมื่อคุณอายุ 65 ปี

บัฟเฟตต์ซื้อหุ้นครั้งแรกเมื่ออายุ 11 ปี แสดงให้เห็นว่าการเริ่มต้นทำตั้งแต่เนิ่นๆ จะสร้างดอกเบี้ยที่มหัศจรรย์ เป็นดอกเบี้ยทบต้นหมายความว่า แต่ละปีที่ช้าไป อาจหมายถึงการสูญเสียโอกาสสร้างความมั่งคั่ง

3. จับจังหวะลงทุนในตลาด แบบไร้กลยุทธ์

“ผมไม่เคยพยายามทำเงินจากตลาดหุ้น ผมซื้อแบบตั้งสมมุติฐานว่า ตลาดหุ้นจะปิดในวันรุ่งขึ้น และไม่เปิดอีกตลอด 5 ปี”

การจับจังหวะตลาด เป็นสิ่งที่นักลงทุนรายย่อยพยายามซื้อในราคาต่ำ และขายในราคาสูง โดยอ้างอิงตามคาดการณ์ และความคิดเห็น โดยไม่ได้ทำการสำรวจหรือศึกษาการลงทุนให้รอบด้าน มักจะนำไปสู่ผลลบ

ส่วนบัฟเฟตต์ จะเน้นการซื้อหุ้นบริษัทที่มีคุณภาพตามราคาที่เหมาะสม โดยแนวทางการลงทุนแบบเน้นมูลค่านี้ เมื่อนำไปประกอบรวมกับช่วงเวลาการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ ผ่านการเฉลี่ยต้นทุน จะสามารถสร้างความมั่งคั่งอย่างมีความน่าเชื่อถือ

4. ลงทุนตามคนอื่น

“ ผมจะบอกคุณให้ว่า ทำอย่างไรถึงจะรวย ปิดประตูซะ แล้วจงกลัวเวลาที่คนอื่นกำลังโลภ จงโลภเวลาที่คนอื่นกลัว”

บัฟเฟตต์ต่อต้านการลงทุนตามกระแส แต่ให้ซื้อสินทรัพย์ที่มีคุณภาพในช่วงที่ตลาดเกิดภาวะตื่นตระหนก และหลีกเลี่ยงการลงทุนที่กำลังได้รับความนิยมแต่มีมูลค่าสูงเกินจริง สิ่งนี้จะสร้างผลตอบแทนที่ยอดเยี่ยมและต่อเนื่อง ซึ่งความสำเร็จต้องอาศัยความกล้าคิดอย่างอิสระ และทำสวนทางกระแสของตลาดในขณะนั้น

5.ขาดความอดทน

“ ไม่ว่ามีความสามารถหรือความพยายามมากเพียงใด แต่บางสิ่งก็ต้องใช้เวลา คุณไม่อาจกำเนิดทารกได้ภายในหนึ่งเดือน”

ในยุคที่หลายคนต้องการผลลัพธ์การลงทุนแบบทันใจ ความอดทนกลับเป็นสิ่งจำเป็นในการสร้างความมั่งคั่ง ซึ่งบัฟเฟตต์ ได้ลงลงทุนกับบางธุรกิจมามานานหลายทศวรรษ เช่น โคคาโคล่า และอเมริกันเอ็กซ์เพรส ที่ตอนนี้สร้างผลตอบแทนได้อย่างทบต้นเมื่อเวลาผ่านไปแล้ว

6. ลงทุนในสิ่งที่ไม่เข้าใจ

“ อย่าลงทุนในธุรกิจ ที่คุณไม่มีความเข้าใจเลย”

บัฟเฟตต์เคยหลีกเลี่ยงการซื้อหุ้นเทคโนโลยีในช่วงที่เฟื่องฟู เนื่องจากหุ้นเหล่านี้เป็นสิ่งที่เขาไม่มีความเข้าใจ หลักการนี้ช่วยให้ผู้ถือหุ้นเบิร์กเชียร์ แฮร์ทราเวย์ ประหยัดเงินได้หลายพันล้านดอลลาร์ ในช่วงสถานการณ์ฟองสบู่แตก

การทำความเข้าใจกับการลงทุนหมายถึง การเข้าใจรูปแบบธุรกิจ ข้อได้เปรียบในการแข่งขัน และงบการเงินของการลงทุนนั้นๆ หากไม่มีความรู้ดังกล่าว นักลงทุนอาจเสี่ยงที่จะกลายเป็นนักเก่งกำไร มากกว่าเป็นเจ้าของธุรกิจ เพราะขาดความรู้ที่เพียงพอ

7.หนี้สินท่วมหัว

“ผมเห็นคนจำนวนมากล้มเหลว เพราะเหล้าและหนี้สิน ซึ่งเป็นหนี้สินที่กู้เงินมา”

หนี้สินจากการทำธุรกิจอาจสร้างกำไร และทำให้ขาดทุนได้ แต่บ่อยครั้งที่ผลขาดทุนกับกลายเป็นหายนะ แต่หนี้สินจากผู้บริโภคที่มีอัตราดอกเบี้ยสูง มักบั่นทอนความมั่งคั่ง

แม้หนี้สินบางประเภทเป็นกลยุทธ์ของธนาคาร เช่น หนี้สินจากสินเชื่อที่อยู่อาศัย แต่บัฟเฟตต์แนะนำให้เก็บเงินสำรองจำนวนมากไว้ก่อน และหลีกเลี่ยงการกู้ยืมที่มีอัตราดอกเบี้ย แนวทางนี้ได้สร้างความมั่นคงในช่วงที่ตลาดตกต่ำ

8. ไม่นำกำไรไปลงทุนซ้ำ

“ชีวิตก็เหมือนลูกบอลหิมะ สามารถสร้างความมั่งคั่งจากการกลิ้งลูกบอลหิมะ ลงเนินแล้วก็ลูกบอลหิมะก็จะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ

ความสำเร็จของเบิร์กเชียร์ แฮร์ทราเวย์ ส่วนหนี่งมาจากวินัยการลงทุนของบัฟเฟตต์ ในการลงทุนกำไรซ้ำ แทนที่จะจ่ายเงินปันผลอย่างเดียว เมื่อลงทุนซ้ำ ก็จะสร้างผลตอบแทนเป็นกำไรเพิ่มขึ้นด้วย ถือเป็นการลงทุนที่สร้างผลตอบแทนแบบลูกโซ่ทรงพลัง

วิธีนี้สร้างการเติบโตให้กับการลงทุนแบบทวีคูณเมื่อเวลาผ่านไปแล้ว เป็นหลักการเดียวกัน ที่นักลงทุนรายย่อยสามารถลงทุนผ่านแผนการลงทุนเงินปันผล และการปรับสมดุลย์พอร์ตโฟลิโอที่ไม่สร้างกำไรเป็นประจำ

9. ปล่อยให้ความรู้สึกเป็นเครื่องตัดสินใจ

“ ความสำเร็จในการลงทุนไม่ได้ขึ้นอยู่กับไอคิว แต่คุณต้องมีภาวะจิตใจที่สามารถควบคุมแรงกระตุ้นจากสิ่งแวดล้อมได้”

ความกลัวและความโลภ มักเป็นแรงผลักดันให้ตัดสินใจทางการเงินที่ไม่ดี ความผันผวนของตลาดอาจกระตุ้นให้เกิดการตอบสนองทางอารมณ์นำไปสู่การซื้อในราคาสูงและขายในราคาต่ำ

ความสำเร็จของบัฟเฟตต์ มาจากการรักษาวินัยทางอารมณ์ โดยตัดสินใจอ้างอิงจากการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานมากกว่าอารมณ์ของตลาด

10. ไม่เรียนรู้จากความล้มเหลว

“ อ่านข้อมูล 500 หน้าทุกวัน นี่คือการหาความรู้ สะสมมากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับดอกเบี้ยทบต้น”

แม้บัฟเฟตต์เป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จแล้วในปัจจุบัน แต่เค้าใช้เวลา 80% ของวันไปกลับอ่านและคิด มุ่งมั่นให้กับการเรียนรู้จนสามารถตัดสินใจ และปรับตัวให้เข้ากับตลาดที่เปลี่ยนแปลงได้ดียิ่งๆ ขึ้น

ความรู้ก็เหมือนดอกเบี้ยทบต้นที่ค่อยๆ สะสมขึ้นเองตามเวลา พัฒนาไปสู่ความเชี่ยวชาญ ซึ่งต้องอาศัยการศึกษาหาข้อมูลทางการเงิน แนวโน้มตลาด และปัจจัยพื้นฐานทางธุรกิจอย่างสม่ำเสมอ

นิสัยเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า การสร้างความมั่งคั่งไม่ได้ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ที่ซับซ้อนเพียงอย่างเดียว แต่ยังขึ้นอยู่กับหลักการพื้นฐานของการลงทุนที่นำมาใช้อย่างสม่ำเสมอ

นักลงทุนสามารถเพิ่มโอกาสให้ประสบความสำเร็จทางการเงินในระยะยาวได้ ด้วยการหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดเหล่านี้ และปฏิบัติตามภูมิปัญญาอันล้ำลึกของบัฟเฟตต์ เพราะเส้นทางสู่ความมั่งคั่งต้องอาศัยวินัย ความอดทน และการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ทุกคนสามารถพัฒนาได้ด้วยการทุ่มเท และนำคำแนะนำไปใช้อย่างเหมาะสม

อ้างอิง : NewTrader