'มาเลเซีย' คว้าดีลลงทุน 'ฮุนได' 1.7 หมื่นล้าน หวังปั้น 'ฮับอีวีแห่งอาเซียน'
'ฮุนได' ลงทุน 1.7 หมื่นล้านบาท สร้างโรงงานประกอบรถแห่งแรกใน 'มาเลเซีย' และแห่งที่สองในอาเซียน มุ่งเป้าสู่การเป็นฮับรถยนต์อีวีในอาเซียน
สำนักข่าวเซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์รายงานว่า ประเทศที่พึ่งพาการค้าและการส่งออกอย่าง "มาเลเซีย" กำลังแสวงหาพันธมิตรและตลาดใหม่ เพื่อลดความเสี่ยงจากผลกระทบสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนและแผนการขึ้นภาษีศุลกากรของสหรัฐ
ล่าสุดมาเลเซียได้คว้าดีลการลงทุนมูลค่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (กว่า 1.7 หมื่นล้านบาท) จากบริษัทรถยนต์รายใหญ่จากเกาหลีใต้ "ฮุนได มอเตอร์" (Hyundai) ซึ่งนับเป็นการตั้งโรงงานประกอบรถยนต์ครั้งแรกในมาเลเซีย และเป็นโรงงานปีะกอบรถยนต์แห่งที่ 2 ในอาเซียนต่อจากอินโดนีเซีย เมื่อปี 2565
โรงงานดังกล่าวจะตั้งอยู่ในเมืองคูลิม รัฐเคดาห์ ทางตอนเหนือของมาเลเซีย โดยจะสามารถประกอบรถยนต์ได้มากสุด 7 รุ่น ซึ่งรวมถึงรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) รุ่น Kona รองรับการดำเนินงานสูงสุด 2.5 แสนคัน/ปี และจะมีการส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศในภูมิภาคด้วย
นายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม กล่าวระหว่างการเดินทางเยือนเกาหลีใต้เป็นเวลา 3 วันว่า มาเลเซียตั้งเป้าที่จะเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และยินดีต้อนรับการลงทุนล่าสุดของฮุนได ซึ่งครอบคลุมถึงรถยนต์ประหยัดพลังงานและรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างระบบนิเวศยานยนต์ของมาเลเซียให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
"โครงการนี้จะทำให้เกิดบรรยากาศการลงทุนที่น่าดึงดูดสำหรับการประกอบรถยนต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งจะช่วยให้มาเลเซียกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์สำหรับตลาดอาเซียนอย่างแน่นอน" อันวาร์โพสต์บนอินสตาแกรม
ทั้งนี้ มาเลเซียได้พยายามหานักลงทุนและตลาดใหม่ๆ ในช่วงปีที่ผ่านมา เนื่องจากกังวลถึงผลกระทบการขึ้นภาษีของสหรัฐที่ผูกโยงกับสงครามการค้าและเทคโนโลยีระหว่างสหรัฐกับจีน ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์ของประเทศแล้ว และทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับภาคส่วนเซมิคอนดักเตอร์ที่เป็นหัวใจสำคัญของมาเลเซียด้วย
ความวิตกกังวลยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นจากการที่โดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีอีกครั้ง โดยเขาขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีศุลกากรโดยรวมสำหรับสินค้านำเข้าทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคส่วนยุทธศาสตร์ เช่น พลังงานหมุนเวียนและเซมิคอนดักเตอร์
ในเดือนต.ค. ที่ผ่านมา มาเลเซียรวมถึง ไทย อินโดนีเซีย และเวียดนาม ได้เข้าร่วมการประชุมและได้สถานะเป็นประเทศพันธมิตรของกลุ่มประเทศบริกส์ที่นำโดยจีน รัสเซีย และอินเดีย