สหรัฐประกาศเก็บภาษีแผงโซลาร์นำเข้า 4 ประเทศอาเซียน ไทยโดนด้วย

สหรัฐประกาศเก็บภาษีแผงโซลาร์นำเข้า 4 ประเทศอาเซียน ไทยโดนด้วย

เจ้าหน้าที่การค้าสหรัฐ ประกาศการเรียกเก็บภาษีนำเข้าแผงโซลาร์เซลล์รอบใหม่จาก 4 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไทยติดร่างแห

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า  เจ้าหน้าที่การค้าของสหรัฐ  ประกาศเมื่อวันศุกร์ (29 พ.ย.) เกี่ยวกับการเรียกเก็บภาษีนำเข้าแผงโซลาร์เซลล์รอบใหม่จาก 4 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังจากผู้ผลิตในสหรัฐร้องเรียนว่าบริษัทในประเทศเหล่านั้นทำการทุ่มตลาดสหรัฐ  ด้วยสินค้าราคาถูกอย่างไม่เป็นธรรม

 นับเป็นการตัดสินเบื้องต้นเป็นครั้งที่สองของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ ในปีนี้ หลังได้รับการยื่นร้องเรียนโดยฮันวา คิวเซลส์ (Hanwha Qcells) ของเกาหลีใต้, บริษัทเฟิร์ส โซลาร์ อิงค์ (First Solar Inc) ในรัฐแอริโซนา และผู้ผลิตรายย่อยอีกหลายรายที่ต้องการปกป้องการลงทุนมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ในอุตสาหกรรมการผลิตแผงโซลาร์ในสหรัฐ 

คณะกรรมการการค้าสำหรับการผลิตแผงโซลาร์เซลล์แห่งอเมริกา (American Alliance for Solar Manufacturing Trade Committee) ได้กล่าวหาผู้ผลิตแผงโซลาร์เซลล์รายใหญ่ของจีนที่มีโรงงานในมาเลเซีย กัมพูชา เวียดนาม และไทยว่า เป็นต้นเหตุทำให้ราคาแผงโซลาร์เซลล์ทั่วโลกร่วงลงอย่างรุนแรงด้วยการทุ่มขายสินค้าในตลาดสหรัฐ

ตามการตัดสินเบื้องต้นที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ  เมื่อวันศุกร์ (29 พ.ย.) นั้น กระทรวงฯ ได้คำนวณอัตราภาษีตอบโต้การทุ่มตลาด (dumping duties) อยู่ระหว่าง 21.31% ถึง 271.2% โดยขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัทสำหรับเซลล์พลังงานแสงอาทิตย์ที่นำเข้าจากกัมพูชา มาเลเซีย ไทย และเวียดนาม

บริษัทจินโก โซลาร์ (Jinko Solar) ถูกกำหนดอัตราภาษีตอบโต้การทุ่มตลาดที่ 21.31% สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในมาเลเซีย และ 56.51% สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในเวียดนาม

บริษัททรินา โซลาร์ (Trina Solar) ของจีน ถูกกำหนดอัตราภาษีตอบโต้การทุ่มตลาดที่ 77.85% สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในประเทศไทย และ 54.46% สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในเวียดนาม

ในทางกลับกัน กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ ไม่ได้กำหนดอัตราภาษีตอบโต้การทุ่มตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์ของฮันวา คิวเซลส์ ที่ผลิตในมาเลเซีย โดยในเดือนต.ค. กระทรวงฯ ได้คำนวณอัตราเงินอุดหนุนสำหรับบริษัทอยู่ที่ 14.72%

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ จะทำการตัดสินครั้งสุดท้ายในวันที่ 18 เม.ย. 2568 ขณะที่สำนักงานการค้าระหว่างประเทศ (International Trade Administration) จะสรุปผลการตัดสินในวันที่ 2 มิ.ย. และคาดว่าจะประกาศคำสั่งสุดท้ายในวันที่ 9 มิ.ย.