กบฏซีเรียบุก อเลปโป ครั้งใหญ่รอบหลายปี ฉวยจังหวะ 'รัสเซีย-อิหร่าน' การ์ดตก
กบฏซีเรียบุกเข้าโจมตีเมืองอเลปโป ที่มั่นสำคัญรัฐบาลซีเรีย ในการโจมตีครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปี หลังจากที่พันธมิตรของอัสซาดทั้งรัสเซีย อิหร่าน และฮิซบอลเลาะห์ กำลังการ์ดตก
กองทัพซีเรียเปิดเผยเมื่อวันเสาร์ว่า กลุ่มกบฏฮายัต ตาห์รีร์ อัลชาม ได้บุกเข้าโจมตีเมือง "อเลปโป" ครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปี ส่งผลให้มีทหารเสียชีวิตหลายสิบนาย และทำให้กองทัพต้องสั่งเคลื่อนกำลังพลไปประจำการในเมืองนี้อีกครั้ง ซึ่งถือเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปีต่อประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด ในขณะที่ประเทศพันธมิตรอย่าง "รัสเซีย" และ "อิหร่าน" กำลังมุ่งความสนใจไปที่เรื่องอื่นอยู่
รอยเตอร์สรายงานว่า ภาพที่ถ่ายเมื่อวันเสาร์แสดงให้เห็นผู้คนกำลังโพสต์ท่าถ่ายรูปบนรูปปั้นที่พังทลายของบาสซิล อัล-อัสซาด พี่ชายที่เสียชีวิตไปแล้วของประธานาธิบดีอัสซาด นักรบขับรถบรรทุกไปทั่วเมืองและเดินไปมาตามถนน ชายคนหนึ่งโบกธงฝ่ายต่อต้านซีเรียขณะยืนอยู่ใกล้ป้อมปราการประวัติศาสตร์ของเมืองอเลปโป
ด้านกระทรวงกลาโหมรัสเซียเปิดเผยว่า กองทัพอากาศรัสเซียได้เข้าสนับสนุนช่วยโจมตีกลุ่มกบฏซีเรีย โดยการสู้รบครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่กลุ่มกบฏได้เข้าโจมตีอย่างหนักหน่วงที่สุดในรอบหลายปีในสงครามกลางเมืองของซีเรีย ที่การสู้รบแนวหน้าส่วนใหญ่ต่างซาลงมาตั้งแต่ปี 2020
สื่อรัสเซียระบุว่า ฝ่ายซีเรียและรัสเซียได้เข้าโจมตีกลุ่มกบฎด้วยขีปนาวุธและระเบิดตามพื้นที่ที่กลุ่มนักรบรวมตัวกัน ฐานบัญชาการ คลังเก็บอาวุธ และตำแหน่งยิงปืนใหญ่" ในจังหวัดอเลปโปและอิดลิบ โดยอ้างว่ามีนักรบของกลุ่มกบฏเสียชีวิตไปแล้วประมาณ 300 คน
สำหรับกลุ่มกบฏฮายัต ตาห์รีร์ อัลชาม (HTS) หรือที่เคยถูกเรียกว่า อัลนุสรา ฟรอนท์ (Al-Nusra Front) ถูกขึ้นบัญชีดำเป็นกลุ่มก่อการร้ายจากทั้งสหรัฐ รัสเซีย ตุรกี และอีกหลายประเทศ
ด้านซีเอ็นเอ็นรายงานว่าคำอธิบายที่ชัดเจนของการโจมตีใหญ่ครั้งนี้ก็คือ
พันธมิตรสำคัญของซีเรียอย่าง "รัสเซีย อิหร่าน และฮิซบอลเลาะห์" ต่างก็ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันและการ์ดตกเรื่องการเฝ้าระวังในซีเรีย
"ฮิซบอลเลาะห์" ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการเสริมกำลังให้ระบอบอัสซาดในช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดของสงครามกลางเมือง ได้ถอนทหารส่วนใหญ่กลับบ้านหลังวันที่ 7 ตุลาคม 2023 เพื่อต่อสู้กับอิสราเอล ซึ่งต่อมาได้ถูกอิสราเอลสังหารผู้นำระดับสูงของกลุ่มไปเกือบหมด
"รัสเซีย" ยังมีบทบาทสำคัญในการเสริมกำลังรัฐบาลในกรุงดามัสกัส หลังจากที่ส่งทหารและเครื่องบินรบไปยังซีเรียในเดือนกันยายน 2015 อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ภารกิจที่สำคัญที่สุดของมอสโกคือ "สงครามในยูเครน" และสำหรับ "อิหร่าน" นั้น บรรดาที่ปรึกษาและฐานทัพของอิหร่านในซีเรียถูกอิสราเอลโจมตีบ่อยครั้งในช่วงปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ สงครามกลางเมืองซีเรีย ซึ่งทำให้มีผู้คนล้มตายไปหลายแสนคน และทำให้มีผู้พลัดถิ่นฐานอีกหลายล้านคน ชะงักงันมาตั้งแต่ปี 2011 โดยที่ไม่มีการยุติอย่างเป็นทางการ แต่ส่วนใหญ่แล้วการสู้รบขนานใหญ่ได้ยุติลงเมื่อหลายปีก่อน หลังจากที่ "อิหร่าน" และ "รัสเซีย" ช่วยให้รัฐบาลของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด ยึดครองดินแดนส่วนใหญ่และเมืองใหญ่ทั้งหมดได้
รัฐบาลอัซซาดยึดครองเมือง "อเลปโป" อดีตเมืองใหญ่ที่สุดในประเทศซีเรีย มาได้อย่างมั่นคงนับตั้งแต่ได้ชัยชนะในปี 2016 ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญจุดหนึ่งของสงคราม เมื่อกองทัพซีเรียที่ได้รับการสนับสนุนจากรัสเซียได้ปิดล้อมและโจมตีพื้นที่ทางตะวันออกที่กลุ่มกบฏยึดครองในอเลปโป
ทางด้านฌอน ซาเวตต์ โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติทำเนียบขาวสหรัฐ เปิดเผยว่ากำลังจับตาสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด และได้ติดต่อกับรัฐบาลประเทศต่างๆ ในภูมิภาคตลอดช่วง 48 ชั่วโมงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม การที่ซีเรียปฏิเสธที่จะมีส่วนร่วมในกระบวนการทางการเมือง และการที่ซีเรียพึ่งพารัสเซียและอิหร่าน "ทำให้เกิดผลต่างๆ ตามมา เช่น การล่มสลายของแนวรบระบอบอัสซาดในซีเรียตะวันตกเฉียงเหนือ"
ซาเวตต์กล่าวด้วยว่า สหรัฐไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับการบุกที่นำโดยองค์กรก่อการร้ายที่ถูกจัดตั้งขึ้น และเรียกร้องให้มีการลดระดับความรุนแรง และมีกระบวนการทางการเมืองที่จริงจังและน่าเชื่อถือ ตามข้อมติ 2254 ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ในปี 2015 ซึ่งกำหนดขั้นตอนสำหรับการหยุดยิงและการเปลี่ยนผ่านทางการเมืองในซีเรีย