เปิดรายได้ธุรกิจผลิตอาวุธ Top 100 โลก ปี 66 บ.สหรัฐ-เอเชียโตเป็นประวัติการณ์
Military Expenditure and Arms Production Programme เผยภาพรวมรายได้บริษัทผลิตอาวุธที่ติดอันดับ Top 100 (SIPRI) พบ บริษัทในสหรัฐและเอเชียรายได้โตเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ภูมิภาคอื่นก็เติบโตต่อเนื่อง ผลจากสงครามยังคงคุกรุ่นทั้งในตะวันออกกลางและสงครามรัสเซีย-ยูเครน
ในปี 2566 ผู้ผลิตอาวุธจำนวนมากเพิ่มการผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้น และรายได้ของบริษัทผลิตอาวุธ Top 100 ของโลกก็ดีดตัวขึ้นหลังจากลดลงเมื่อปี 2565
บริษัทอาวุธเกือบ 3 ใน 4 มีรายได้จากการจำหน่ายอาวุธเพิ่มขึ้นในปี 2566 เมื่อเทียบแบบปีต่อปี และบริษัทส่วนใหญ่ที่มีรายได้เพิ่มขึ้นอยู่ในอันดับที่ต่ำกว่าอันดับที่ 50 จาก 100
อย่างไรก็ตาม โลเรนโซ สการัสซาโต นักวิจัยจาก Military Expenditure and Arms Production Programme ของสถาบัน Stockholm International Peace Research Institute (SIPRI) บอกว่า รายได้ของผู้ผลิตอาวุธ 100 อันดับยังคงไม่สะท้อนถึงขนาดของความต้องการ แต่การเปิดรับสมัครงานของบริษัทจำนวนมาก บ่งชี้ว่าธุรกิจมองในแง่ดีเกี่ยวกับอนาคตด้านยอดขาย
บริษัทอาวุธสหรัฐครองได้รายครึ่งหนึ่งของ Top 100
บริษัทสหรัฐ 41 รายใน Top 100 มีรายได้จากการจำหน่ายอาวุธเพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 317,000 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นครึ่งหนึ่งของรายได้บริษัท Top 100 ทั้งหมด และเพิ่มขึ้นจากปี 2565 ราว 2%
บริษัทขายอาวุธของสหรัฐ 30 รายจาก 41 ราย มีรายได้เพิ่มขึ้นในปี 2566 แต่ผู้ผลิตอาวุธรายใหญ่ที่สุด 2 รายของโลกอย่าง ล็อกฮีดมาร์ติน (Lockheed Marti) และ RTX มีรายได้ลดลง
ดร.หนาน เทียน ผู้อำนวยการ Military Expenditure and Arms Production Programme ของ SIPRI บอกว่า บริษัทใหญ่ๆอย่างล็อกฮีดมาร์ติน และ RTX ที่ผลิตอาวุธหลากหลายประเภท มักต้องพึ่งพาห่วงโซ่อุปทานที่มีความซับซ้อนซึ่งทำให้บริษัทเหล่านี้ เสี่ยงต่อความท้าทายในห่วงโซ่อุปทานที่ยังคงมีอยู่ในปี 2566
รายได้บริษัทอาวุธยุโรปโตต่ำสุด
รายได้จากการขายอาวุธของบริษัทผลิตอาวุธในยุโรป 27 ราย ใน Top 100 (ไม่รวมรัสเซีย) อยู่ที่ระดับ 133,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2566 โตจากปี 2565 เพียง 0.2% ซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีรายได้เติบโตน้อยที่สุด
อย่างไรก็ตาม เบื้องหลังตัวเลขรายได้มีความซับซ้อน โดยบริษัทผลิตอาวุธยุโรปที่ผลิตอาวุธซับซ้อนส่วนใหญ่ผลิตตามสัญญาคำสั่งซื้อในช่วงปี 2566 รายได้ของปีนั้นจึงไม่สะท้อนคำสั่งซื้อที่หลั่งไหลเข้ามา
สการัสซาโต บอกว่า อาวุธที่ซับซ้อนมีระยะเวลาการผลิตที่นานกว่าอาวุธอื่น ๆ บริษัทที่ผลิตอาวุธประเภทนี้จึงตอบสนองอุปสงค์ได้ช้ากว่า
แต่ในขณะเดียวกัน ผู้ผลิตอาวุธในยุโรปหลายรายก็มีรายได้เติบโตเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยได้แรงหนุนจากความต้องการที่เชื่อมโยงกับสงครามในยูเครน โดยเฉพาะกระสุน ปืนใหญ่ ระบบป้องกันภัยทางอากาศ และระบบปฏิบัติการภาคพื้นดิน และบริษัทหลายรายในเยอรมนี สวีเดน ยูเครน โปแลนด์ นอร์เวย์ และสาธารณรัฐเช็ก ก็สามารถตอบสนองความต้องการเหล่านั้นได้
รายได้บริษัทอาวุธรัสเซียรายได้โตต่อเนื่อง
บริษัทผลิตอาวุธสัญชาติรัสเซีย 2 ราย ที่ติดอันดับใน Top 100 มีรายได้รวมกันเพิ่มขึ้น 40% จากปี 2565 สู่ระดับ 25,500 ล้านดอลลาร์ ในปี 2566 ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากรายได้จาการจำหน่ายอาวุธที่เพิ่มขึ้น 49% ของ Rostec บริษัทผลิตอาวุธของรัฐบาลที่ควบคุมผู้ผลิตอาวุธหลายราย
ดร.หนาน เทียน บอกว่า ข้อมูลอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการผลิตอาวุธของรัสเซียมีอยู่จำกัดและเป็นที่น่าสงสัย แต่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อว่า การผลิตอุปกรณ์ทางทหารของรัสเซียเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2566 และคลังอาวุธของรัสเซียมีการปรับเพิ่มครั้งใหญ่ โดยเฉพาะเครื่องบินรบ เฮลิคอปเตอร์ โดรน รถถัง กระสุน และขีปนาวุธ นักวิเคราะห์ล้วนเชื่อว่ามีการผลิตอาวุธเหล่านี้เพิ่มขึ้น เพราะรัสเซียยังคงโจมตียูเครนต่อเนื่อง
เอเชีย-โอเชียเนีย ขยายกำลังทางทหารรับมือภัยคุกคาม
บริษัทผลิตอาวุธในเอเชียและโอเชียเนีย 23 ราย จาก Top 100 มีรายได้จากการจำหน่ายโต 5.7% เป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบแบบปีต่อปี สู่ระดับ 136,000 ล้านดอลลาร์
บริษัทอาวุธในเกาหลีใต้ 4 แห่ง มีรายได้รวมกันโต 39% แตะ 11,000 ล้านดอลลาร์ ขณะที่บริษัทอาวุธญี่ปุ่นมีรายได้จากการจำหน่ายรวมกันเพิ่มขึ้น 35% สู่ระดับ 10,000 ล้านดอลลาร์
เสี่ยว เหลียง นักวิจัยของ SIPRI Military Expenditure and Arms Production Programme บอกว่า การเติบโตอย่างรวดเร็วของรายได้จากการจำหน่ายอาวุธของบริษัาเกาหลีใต้และญี่ปุ่น สะท้อนให้เห็นถึงภาพที่ใหญ่กว่าของการสร้างกำลังทหารในภูมิภาคเพื่อตอบสนองต่อการรับรู้ถึงภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้น และว่าบริษัทอาวุธเกาหลีใต้พยายามขยายส่วนแบ่งตลาดอาวุธระดับโลก รวมถึงความต้องการอาวุธในยุโรปที่เกี่ยวข้องกับสงครามในยูเครน
รายได้บริษัทอาวุธตะวันออกกลางโต 18%
บริษัทอาวุธ 6 รายในตะวันออกกลางที่ติดอันดับ Top 100 มีรายได้รวมกันเติบโต 18% สู่ระดับ 19,600 ล้านดอลลาร์ และด้วยสงครามปะทุขึ้นในกาซา รายได้ของบริษัทอาวุธในอิสราเอล 3 ราย ที่ติด Top 100 จึงแตะ 13,600 ล้านดอลลาร์ ถือเป็นรายได้สูงสุดนับตั้งแต่เคยบันทึกรายได้ของบริษัทอิสราเอลใน Top 100 ของ SIPRI
ส่วนบริษัทผลิตอาวุธ 3 ราย ในตุรกี มีรายได้เพิ่มขึ้น 24% สู่ระดับ 6,000 ล้านดอลลาร์ เนื่องจากการส่งออกมีแรงหนุนมาจากสงครามในยูเครนและจากรัฐบาลตุรีที่ต้องการผลักดันการผลิตอาวุธด้วยตนเอง
ดร.ดิเอโก โลเปซ ดา ซิลวา นักวิจัยอาวุโสของ SIPRI Military Expenditure and Arms Production Programme บอกว่า ผู้ผลิตอาวุธรายใหญ่สุดในตะวันออกกลางใน Top 100 มีรายได้เพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงเป็นประวัติการณ์ในปี 2566 และคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง
อ้างอิง: SIPRI