Intel บีบซีอีโอ 'แพท เกลซิงเกอร์' ลาออก โมโหฟื้นฟูบริษัทช้า - แพ้ในสงครามชิป
บอร์ดบริษัท Intel กดดัน 'แพท เกลซิงเกอร์' พ้นจากตำแหน่งซีอีโอ หลังไม่พอใจเรื่องการฟื้นฟูบริษัทที่ล่าช้า บอร์ดกดดันให้ 2 ทางเลือก เกษียณหรือถูกปลด เจ้าตัวเลือกอย่างแรก
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก และรอยเตอร์ส รายงานว่า "แพท เกลซิงเกอร์" (Pat Gelsinger) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอของบริษัท "อินเทล คอร์ป" (Intel Corp.) ได้ถูกบีบให้ลาออกจากตำแหน่งแล้ว มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.67 ที่ผ่านมา หลังจากคณะกรรมการบริษัท หรือบอร์ดของอินเทลต่างไม่เชื่อมั่นในแผนการของเขาที่จะพลิกฟื้นกิจการของอินเทลที่เคยเป็นเบอร์ 1 ในวงการผลิตชิป ส่งผลให้สถานการณ์ของหนึ่งในเสาหลักอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของสหรัฐรายนี้ยิ่งวุ่นวายหนักขึ้น
แหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องเปิดเผยว่า ความขัดแย้งที่นำไปสู่จุดแตกหักเกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เมื่อเกลซิงเกอร์เข้าพบกับบอร์ดเพื่อรายงานความคืบหน้าของอินเทลในการแย่งส่วนแบ่งตลาดกลับคืนมา และลดช่องว่างกับคู่แข่งรายใหญ่อย่าง "อินวิเดีย คอร์ป" (Nvidia Corp.) แต่บอร์ดซึ่งสูญเสียความเชื่อมั่นได้บีบให้เขาลงจากตำแหน่งโดยให้ 2 ทางเลือกคือ เกษียณหรือถูกปลดจากตำแหน่ง ซึ่งเจ้าตัวเลือกข้อแรก และยุติการทำงานที่อินเทลโดยมีผลในวันที่ 1 ธ.ค.2567
อย่างไรก็ตาม บลูมเบิร์กไม่สามารถติดต่อเกลซิงเกอร์เพื่อสอบถามได้
แถลงการณ์ของอินเทลระบุว่า เดวิด ซินส์เนอร์ ซึ่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน (ซีเอฟโอ) และมิเชล จอห์นสตัน โฮลเธาส์ รองประธานกรรมการบริหาร จะทำหน้าที่รักษาการซีอีโอร่วมชั่วคราวในระหว่างที่บอร์ดกำลังสรรหาซีอีโอคนใหม่ ในขณะที่แฟรงค์ เยียรี กรรมการอิสระจะเข้ามาเป็นกรรมการบริหารแทนชั่วคราว
เกลซิงเกอร์ในวัย 63 ปี เคยได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้กอบกู้ยักษ์ใหญ่ในวงการชิปรายนี้ หลังจากเข้ารับตำแหน่งเมื่อ 3 ปีก่อน เพื่อเข้ามาแก้ไขความผิดพลาดของคณะบริหารชุดก่อนๆ เขาได้แสดงออกถึงความรักที่มีต่อบริษัท และประกาศความตั้งใจที่จะฟื้นฟูให้บริษัทกลับมาเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์อีกครั้ง โดยเกลซิงเกอร์ถือเป็นวิศวกรลูกหม้อที่ทำงานกับอินเทลตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น แต่ลาออกไปในปี 2009 และได้เป็นซีอีโอของ VMware Inc. เมื่อกลับมาในปี 2021 เขาสัญญาว่าจะทำให้บริษัทกลับมาเป็นผู้นำด้านการผลิตชิปอีกครั้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่บริษัทสูญเสียไปให้กับคู่แข่งอย่าง Taiwan Semiconductor Manufacturing Co. (TSMC)
ด้านนักลงทุนต่างตอบรับเชิงบวกต่อข่าวนี้ และคาดหวังต่อการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ ส่งผลให้ราคาหุ้นของอินเทลพุ่งไปสูงสุดถึง 6% ระหว่างการซื้อขายเมื่อวันจันทร์ ก่อนจะปรับตัวลงในการซื้อขายช่วงท้าย และปิดลบไป 0.5% อยู่ที่ 23.93 ดอลลาร์ต่อหุ้น ตลอดทั้งปีนี้ราคาหุ้นของอินเทลร่วงลงไปแล้วถึง 52%
ทั้งนี้ เกลซิงเกอร์ตั้งเป้าหมายที่จะพาอินเทลก้าวข้ามจุดแข็งแบบเดิมในด้านชิปโปรเซสเซอร์สำหรับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล และเซิร์ฟเวอร์ ด้วยการขยายการผลิตชิปสำหรับบริษัทอื่น ซึ่งเป็นสิ่งที่อินเทลไม่เคยทำมาก่อน และทำให้อินเทลเข้าสู่การแข่งขันโดยตรงกับ TSMC และ Samsung Electronics Co. เกลซิงเกอร์ยังได้วางแผนขยายเครือข่ายโรงงานของอินเทลซึ่งมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก รวมถึงการสร้างคอมเพล็กซ์ใหม่ขนาดใหญ่ในรัฐโอไฮโอ ซึ่งเป็นโครงการที่บริษัทได้รับการอุดหนุนจากรัฐบาลกลางภายใต้กฎหมาย Chips and Science Act ยุคประธานาธิบดีโจ ไบเดน
ไม่ว่าใครก็ตามที่เข้ามาแทนที่เกลซิงเกอร์ จะต้องเผชิญกับปัญหาเดียวกันกับเขา รวมถึงผลพวงจากการตัดสินใจที่ผิดพลาดของฝ่ายบริหารชุดก่อนๆ ทำให้ตำแหน่งซีอีโอของอินเทลที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นงานที่น่าปรารถนาที่สุดในอุตสาหกรรมชิปมูลค่า 5 แสนล้านดอลลาร์ กลับกลายเป็นตำแหน่งที่แทบไม่มีคนอยากทำ ซีอีโอคนต่อไปจะต้องเผชิญกับคู่แข่งที่มีทรัพยากรมากกว่า และยังต้องไล่ตามในศึกปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ให้ทัน ขณะเดียวกันก็ต้องแสดงให้เห็นว่าอินเทลสามารถเป็นบริษัทที่สร้างประวัติศาสตร์ได้เหมือนเช่นที่เคยเป็น
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์